เกิดระเบิดรุนแรง2ครั้งซ้อนนอกสนามบินกรุงคาบูล เสียชีวิตมากกว่า60ราย

วันนี้ (27ส.ค.64) กองทัพสหรัฐฯ ยืนยันว่า เกิดระเบิดรุนแรงนอกสนามบินกรุงคาบูล ในอัฟกานิสถาน ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 60 ราย รวมทั้งทหารสหรัฐฯ ด้วย 12 นาย และมีผู้บาดเจ็บอีกมากกว่า 140 ราย ขณะที่ การอพยพประชาชนหลายพันคนทางอากาศที่นำโดยสหรัฐฯ ภายในสนามบิน ยังคงดำเนินต่อไป เจ้าหน้าที่สหรัฐฯและพันธมิตร กล่าวว่า พวกเขามีข้อมูลข่าวกรองว่า มือระเบิดฆ่าตัวตายขู่โจมตีสนามบิน 

ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ, ออสเตรเลียและสหราชอาณาจักร เรียกร้องให้ประชาชน อยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติในกรุงคาบูล เนื่องจากคำขู่โจมตีจากกลุ่มหัวรุนแรงรัฐอิสลาม หรือไอเอส เครือข่ายในอัฟกานิสถาน หรือกลุ่มไอเอสในจังหวัดโกราซาน หรือไอเอสเคพี (ISKP) คำเตือนในวันพฤหัสบดี มีขึ้นในขณะที่ ทหารชาติตะวันตกเร่งอพยพพลเมืองของพวกเขาและชาวอัฟกานิสถานที่เปราะบาง ก่อนกำหนดเส้นตายถอนกำลังทหารในวันที่ 31 สิงหาคมนี้

สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงคาบูล ประกาศคำเตือนแนะนำพลเมืองสหรัฐฯ ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสนามบิน และกล่าวว่า ผู้ที่อยู่ประตูสนามบินแล้ว ควรออกไปทันที โดยอ้างภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่ไม่เปิดเผยรายละเอียดชัดเจน ด้านกระทรวงต่างประเทศอังกฤษ ประกาศคำแนะนำในลักษณะเดียวกันนี้ บอกประชาชนในพื้นที่ของสนามบิน ออกไปยังสถานที่ปลอดภัย เพราะมีภัยคุกคามสูงจากการโจมตีของกลุ่มก่อการร้าย

ส่วนกระทรวงกิจการต่างประเทศและการค้าของออสเตรเลีย ก็เรียกร้องให้ชาวออสเตรเลียและชาวอัฟกานิสถานที่ถือวีซ่าออสเตรเลีย ให้เดินทางออกจากพื้นที่ดังกล่าว โดยเตือนภัยคุกคามสูงมากจากการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายที่สนามบิน 

ฝูงชนจำนวนมากที่ต้องการหลบหนีการปกครองของกลุ่มตาลีบัน พยายามไปยังสนามบินในกรุงคาบูล ตั้งแต่ตาลีบันยึดเมืองหลวงอัฟกานิสถานในวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา สหรัฐฯและพันธมิตร อพยพชาวต่างชาติและชาวอัฟกานิสถานแล้วมากกว่า 88,000 คน ออกจากสนามบิน ซึ่งเป็นหนึ่งในการอพยพทางอากาศครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ 

จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงว่า เราสามารถยืนยันว่าเกิดเหตุระเบิดนอกสนามบิน จำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตยังไม่ชัดเจนในขณะนี้ เราจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมเมื่อมีข้อมูล โดยเหตุระเบิดโจมตีที่ประตูแอบเบย์ (Abbey Gate) ทำให้พลเรือนบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังเกิดเหตุระเบิดอย่างน้อยอีก 1 ครั้งในบริเวณที่หรือใกล้โรงแรมบารอน ห่างจากประตูแอบเบย์ ไม่ไกล เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่า มีทหารชาวอเมริกันได้รับบาดเจ็บด้วยในเหตุระเบิดครั้งนี้ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สนามบินในกรุงคาบูล ปรากฏภาพความโกลาหลที่น่าเศร้าที่สุดของการสิ้นสุดสงครามที่ยาวนานที่สุดของสหรัฐฯ และการเข้ายึดเมืองของกลุ่มตาลีบัน ขณะที่เที่ยวบินจำนวนมากทะยานขึ้นพร้อมกับประชาชนที่กลัวการกลับมาปกครองอย่างโหดร้ายของตาลีบัน

จนถึงขณะนี้ มีหลายประเทศสิ้นสุดการอพยพแล้ว และเริ่มถอนกำลังทหารและเจ้าหน้าที่ทูตของตน ส่งสัญญาณเริ่มสิ้นสุดการอพยพทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ โดยแคนาดาอพยพเสร็จสิ้นแล้ว และหลายชาติของยุโรป ก็สิ้นสุด หรือเตรียมยุติภารกิจดังกล่าวแล้ว 

ด้านผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ เดอะ ไทม์ส รายงานว่า ไม่มีชาวอังกฤษได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต หลังเกิดเหตุระเบิดดังกล่าว ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักร เขียนข้อความในทวิตเตอร์ว่า เรากำลังทำงานอย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในกรุงคาบูล และผลกระทบต่อความพยายามอพยพที่กำลังดำเนินการอยู่

สื่อรายงานเพิ่มเติมว่า ความกังวลเบื้องต้น ยังคงอยู่ที่เรื่องของความปลอดภัยของทหาร, พลเรือนอังกฤษ และประชาชนอัฟกานิสถาน เราติดต่อกับสหรัฐฯและพันธมิตรนาโตชาติอื่น ๆ ในระดับปฏิบัติการอย่างใกล้ชิด เกี่ยวกับการตอบโต้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทันที

ในส่วนของตาลีบันนั้นได้ให้คำมั่นไม่โจมตีกองทัพชาติตะวันตกระหว่างการอพยพ แต่ยืนยันว่า ทหารต่างชาติต้องออกไปตามกำหนดเส้นตาย 31 สิงหาคมที่สหรัฐฯกำหนดด้วยตัวเอง

โฆษกของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น แถลงว่า นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการยูเอ็นประณามการโจมตีก่อการ้ายดังกล่าว ซึ่งทำให้พลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

ทั้งนี้ เครือข่ายกลุ่มหัวรุนแรงรัฐอิสลาม ในอัฟกานิสถาน แยกตัวออกมาจากสมาชิกตาลีบันที่ไม่พอใจ ซึ่งมีแนวความคิดทางศาสนาสุดโต่งกว่า โดยกลุ่มหัวรุนแรงชาวสุหนี่กลุ่มนี้ เคยก่อเหตุโจมตีรุนแรงป่าเถื่อนหลายครั้ง ส่วนใหญ่เป้าหมายอยู่ที่ชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมชีอะห์ในอัฟกานิสถาน ซึ่งรวมทั้งการโจมตีครั้งหนึ่งในปี 2020 ถล่มโรงพยาบาลแม่และเด็กในกรุงคาบูล ซึ่งมีผู้หญิงและทารกเสียชีวิต

ตาลีบันเคยต่อสู้กับกลุ่มไอเอสในอัฟกานิสถาน แต่นักรบไอเอส ดูเหมือนจะได้รับการปล่อยตัวออกจากคุกพร้อมกับนักโทษคนอื่น ๆ ระหว่างตาลีบันรุกคืบยึดเมืองต่าง ๆ ในอัฟกานิสถาน กลุ่มหัวรุนแรงอาจยึดอาวุธหนักและอาวุธทันสมัยอื่น ๆ ที่ถูกทหารอัฟกานิสถานทิ้งไว้