AOT 'เคจีไอ' ประเมิน Q1/68 ทำสถิติสูงสุดใหม่หลัง COVID
#ทันหุ้น - บล.เคจีไอ ส่องหุ้น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT คาดว่ากำไรสุทธิใน Q1/68 จะออกมาน่าประทับใจที่ 6.16 พันล้านบาท (+35.0% YoY, +44.2% QoQ) คิดเป็น 26.4% ของประมาณการกำไรเต็มปี ของฝ่ายวิจัยที่ 2.33 หมื่นล้านบาท (+21.8% YoY)
สำหรับไตรมาสนี้ ฝ่ายวิจัยคาดว่าจำนวนผู้โดยสารรวมจะอยู่ที่ 33.6 ล้านคน (+16.4% YoY, +15.4% QoQ) แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 20.85 ล้านคน และผู้โดยสารในประเทศ 12.77 ล้านคน ในขณะที่คาดว่าจำนวนเที่ยวบินรวมจะอยู่ที่ 204,532 เที่ยว (+14.8% YoY, +11.1% QoQ) โดยคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 1.93 หมื่นล้านบาท (+23.0% YoY, +15.2% QoQ) ในขณะที่ EBIT margin จะอยู่ที่ 45.0% เพิ่มขึ้นจาก 41.1% ใน Q1/67 และ 37.6% ใน Q4/67 และคาดว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวกับการบินและไม่เกี่ยวกับการบินใน Q1/68 จะอยู่ที่ 48:52
ทั้งนี้ คาดว่าผลการดำเนินงานโดยรวมจะดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจาก i) จำนวนผู้โดยสารและจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงที่การท่องเที่ยวแข็งแกร่งตามฤดูกาล ii) อตัรากำไรเพิ่มขึ้นจากการประหยัดต่อขนาด และ iii) ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในช่วงนี้ถึงแม้ว่า AOT จะขอคืนื้นที่เชิงพาณิชย์บางส่วนมาต้้งแต่เดือนสิงหาคม 2568 แต่ฝ่ายวิจัยคิดว่าจำนวนผู้โดยสารและจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งน่าจะทำให้กำไรของบริษัทยังเพิ่มขึ้นได้ในไตรมาสนี้
มีศักยภาพที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต
นอกจากการท่องเที่ยวจะแข็งแกร่งตามฤดูกาลอย่างต่อเนื่องใน Q2/68 (มกราคม-มีนาคม 2568) แล้ว ฝ่ายวิจัยยังมองแนวโน้มระยะยาวของ AOT เป็นบวก
โดยปัจจัยสำคัญ ได้แก่ i) จำนวนผู้โดยสารที่น่าจะเพิ่มกลับไปถึงระดับก่อน COVID ระบาด และเพิ่มขึ้นสูงกว่านั้น (จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศของ AOT จะเพิ่มขึ้นเป็น 79.2 ล้านคนในปี 68 หรือเท่ากับ 94% ของระดับก่อน COVID ระบาด และจะเพิ่มขึ้นเป็น 87.2 ล้านคนในปี 69 สูงกว่าระดับก่อน COVID ระบาด 3.7%)
ii) ความสามารถในการรองรับเที่ยวบินที่จะเพิ่มขึ้น (จาก 68 เที่ยว/ชั่วโมง เป็น 94 เที่ยว/ชั่วโมงหลงัจากเปิด runway ใหม่ที่สนามบินสุวรรณภูมิต้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567
iii) การขยายอาคารผู้โดยสารฝั่งทิศใต้ (South Terminal) เพื่อรองรับผู้โดยสาร 70 ล้านคน/ปี (ยังไม่มีข้อสรุป)
iv) การพัฒนาสนามบินดอนเมืองเฟส III เพื่อรองรับผู้โดยสาร 50 ล้านคน/ปี ภายในปี 2573 ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจากแผนพัฒนาสนามบินของ AOT ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าน่าจะมีการปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสาร (PSC) ท้้งในประเทศและต่างประเทศอีกในอนาคต (ปัจจุบันเก็บจากผู้โดยสารในประเทศ 100 บาท และจากผู้โดยสารระหว่างประเทศ 700 บาท) ซึ่งหากใช้สมมติฐานว่ามีการปรับขึ้น PSC ของผู้โดยสารในประเทศจากอัตราในปัจจุบันอีก 10 บาท และระหว่างประเทศอีก 100 บาท จะทำให้ประมาณการกำไรของฝ่ายวิจัยมี upside 1% และ17% (ต่อปี) ตามลำดับ
จากแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่งใน 1H68 และในระยะยาว ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 68 ที่ 71.50 บาท (ใช้ WACC 9% และ TG 3%)
Risks COVID-19 กลับมาระบาดใหม่, เศรษฐกิจถดถอย และความไม่สงบทางการเมืองไทย