แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นไทย รอจังหวะตลาดลงแรง เป็นโอกาสดีในการซื้อหุ้นใหญ่พื้นฐานแข็งแกร่ง

ภาพรวมตลาดหุ้นไทย (10 มิ.ย. 68) ยังคงน่าเป็นห่วง “ณรงค์เดช จันทรไพศาล” จาก บล.ไอร่า ย้ำมุมมองตลาดหุ้นไทยยังไม่ผ่านจุดต่ำสุด และมีแนวโน้ม "ซึมลง" ต่อไป ชี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากสงครามการค้าเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก "ปัญหาเชิงโครงสร้าง" ของเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพิงต่างชาติมากไปและขาดเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ๆ ทำให้ตลาด "ไร้เสน่ห์" เมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค แนะกลยุทธ์ที่ดีที่สุดไม่ใช่การเข้าซื้อตอนนี้ แต่คือการรอจังหวะ "Panic" ของตลาด เพื่อเข้าซื้อหุ้นใหญ่พื้นฐานดีในราคาถูก

หุ้นไทย Underperform โลก... ไม่ใช่แค่เพราะ Trade War

คุณณรงค์เดชวิเคราะห์ว่า การที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อเนื่องและ Underperform ตลาดหุ้นหลักของโลกอย่างสหรัฐฯ และจีนที่ต่างทำ New High เป็นการสะท้อนภาพที่น่ากังวล โดยชี้ว่าสงครามการค้าเป็นเพียงปัจจัยส่วนหนึ่ง แต่ปัญหาที่แท้จริงคือ ปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทย"หลักๆ ผมก็ยังมองเหมือนเดิมว่ามันเป็นปัญหาในเชิงโครงสร้างแหละ ซึ่งเราเองเนี่ย พึ่งพิงต่างชาติมากเกินไป...เราไม่มีการอัดเงินงบลงทุนไปในเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ ให้มันเกิดการ Investment เพิ่มขึ้น ให้มันเกิดการจ้างงาน มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทย"

การขาดเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ๆ ทำให้ GDP ไทยมีแนวโน้มเติบโตในระดับต่ำต่อเนื่องไปอีกหลายปี ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยกำลังเข้าสู่ภาวะ "หาจุดสมดุลใหม่" ของระดับ P/E ที่เหมาะสม โดยปัจจุบันที่ดัชนี 1,140 จุด มี P/E ราว 12 เท่า ซึ่งยังถือว่าสูงเมื่อเทียบกับเวียดนาม และไม่มีหุ้นเติบโต (Growth Stock) ที่น่าดึงดูดเท่าตลาดจีน ทำให้ตลาดหุ้นไทย "ไม่มีเสน่ห์เมื่อมองไปในเชิงเปรียบเทียบเลย"

กลยุทธ์ลงทุน: รอจังหวะ "Panic Buy" หุ้นใหญ่พื้นฐานดี

ในภาวะตลาดหมีเช่นนี้ คุณณรงค์เดชย้ำว่ากลยุทธ์ "Buy and Hold" ใช้ไม่ได้ผล การลงทุนต้องละเอียดและเลือกตัวมากขึ้น แต่กลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือ การรอจังหวะที่ตลาดเกิดความตื่นตระหนก (Panic) และมีการเทขายอย่างหนัก

"เมื่อไหร่ก็ตามที่ตลาดมันมีจังหวะหุ้นตก ร่วงลงไปต่ำ 1,000 เนี่ย มันก็ถือว่ามันมีความน่าสนใจ...เราต้องรอจังหวะ Panic ก็คือตลาด Panic เมื่อไหร่ หุ้นที่ดีที่มันอยู่ด้านบน มันมีจังหวะของการโดนทุบลงมา อันนี้มันเป็นจุดที่เรียกว่าน่าสนใจ"

โดยหุ้นเป้าหมายที่จะเข้าซื้อในช่วง Panic คือหุ้นใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและกำไรยังเติบโตดี เช่น

• KBank: แม้ราคาปัจจุบันจะยังไม่น่าสนใจ แต่หากตลาด Panic และราคาย่อตัวลงมาในโซน 130-145 บาท จะเป็นจุดที่น่าสนใจมาก

• ADVANC: เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีผลประกอบการเติบโตดีและมีแนวโน้มเติบโตต่อจากธุรกิจ Data Center และ Cloud หากราคาถูกทุบลงมาพร้อมตลาดก็น่าสนใจ

คุณณรงค์เดชไม่แนะนำให้เข้าซื้อหุ้นที่ราคาอยู่ด้านล่างและผลประกอบการยังอ่อนแอ เพราะแม้ราคาจะถูกแต่อาจฟื้นตัวได้ยากหากไม่มี Discount ที่มากพอ

ทิศทางดอกเบี้ย: เฟดคงที่ - กนง. มีโอกาสลดต่อ

สำหรับทิศทางดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนนี้ บล.ไอร่ามองว่า

• เฟด : คาดว่าจะ คงอัตราดอกเบี้ย ต่อไป เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงกดดัน (ตลาดคาดการณ์โอกาสคงดอกเบี้ย 99.9%)

• กนง. : คาดว่าปีนี้มีโอกาส ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 1-2 ครั้ง เนื่องจากเงินเฟ้อและ GDP ไทยยังอ่อนแอ การลดดอกเบี้ยจะจำกัด Upside ของหุ้นกลุ่มธนาคาร แต่จะช่วยลด Downside ให้กับหุ้นในกลุ่ม Real Sector ที่มีภาระหนี้สูงได้