รีเซต

ได้แน่200ล้านโดส! สาธิต กางแผนจัดหาวัคซีนโควิดปี65 รับมือกลายพันธุ์

ได้แน่200ล้านโดส! สาธิต กางแผนจัดหาวัคซีนโควิดปี65 รับมือกลายพันธุ์
ข่าวสด
6 กันยายน 2564 ( 12:15 )
44
ได้แน่200ล้านโดส! สาธิต กางแผนจัดหาวัคซีนโควิดปี65 รับมือกลายพันธุ์

สาธิต กางแผนจัดหาวัคซีนโควิด-19 ปี65 ไว้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านโดส รองรับโควิดกลายพันธุ์ มั่นใจปีนี้มีวัคซีนเพียงพอฉีดให้ประชาชน

 

 

เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2564 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามของ นพ.อำพล จินดาวัฒนะ ส.ว. ถามถึงความคืบหน้าแผนการจัดหาวัคซีนในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงลำดับการกระจายวัคซีนไปสู่เป้าหมายคือประชากรกลุ่มเสี่ยง และแผนการสื่อสารเพื่อให้ประชาชนเข้าใจถูกต้อง ให้ได้รับความร่วมมือจากสังคมถึงจะเกิดผล ไม่ใช่มีวัคซีนเท่านั้น

 

 

นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ชี้แจงว่า สถาบันวัคซีนแห่งชาติ และกระทรวงสาธารณสุข มีแผนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ในปี 2565 ไว้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านโดส เพื่อรองรับต่อวิวัฒนาการของวัคซีน และการแพร่ระบาดของโรคที่มีการ กลายพันธุ์ เพื่อนำมาใช้เป็นวัคซีนกระตุ้นภูมิให้กับประชาชนในเข็มที่ 3 ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มการเจรจา เพื่อเตรียมจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า ซึ่งเป็นวัคซีนไวรัลเวคเตอร์ ที่กำลังพัฒนาวัคซีนรุ่นที่ 2 กับบริษัทผู้ผลิตแล้ว ซึ่งเราได้เปรียบเพราะบริษัทที่ผลิต อยู่ในประเทศไทย รวมถึงวัคซีนไฟเซอร์ และวัคซีนสปุกนิก-วี

 

 

นายสาธิต กล่าวต่อว่า ส่วนแผนการบริหารจัดการวัคซีนในปีนี้ ไทยจะได้ประมาณ 124 ล้านโดส แบ่งเป็นวัคซีนหลัก ทั้งแอสตร้าเซเนก้า 61 ล้านโดส ซึ่งในเดือนก.ย.นี้ จะได้รับประมาณ 7.3 ล้านโดส ในเดือนต.ค. จะได้รับ 10 ล้านโดส เดือนพ.ย. และเดือนธ.ค. จะได้รับเดือนละ 13 ล้านโดส ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ ในเดือนก.ย.นี้ มีแผนจะได้รับ 2 ล้านโดส เดือนต.ค.อีก 8 ล้านโดส เดือนพ.ย.และเดือนธ.ค. อีกเดือนละ 10 ล้านโดส รวมทั้งหมดกว่า 31 ล้านโดส

 

 

ดังนั้น ในปีนี้วัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือกจะได้ประมาณ 140 ล้านโดส จึงมั่นใจว่าในปี 64 จะมีวัคซีนเพียงพอฉีดให้กับประชาชน

 

 

ยอมรับว่าการกระจายวัคซีน ก่อนหน้านี้มีปัญหาในเริ่มแรก แต่หลังจากนี้ มั่นใจว่าการกระจายวัคซีนจะเป็นไปตามเป้าหมาย หลังการเจรจรกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนที่มีความแน่นอนมากขึ้น จึงทำให้ในปีนี้ ไทยจะมีปริมาณวัคซีนเพียงพอ ตรงเป้าหมาย และจะเร่งกระจายไปยังกลุ่มเสี่ยงผู้สูงอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป กลุ่ม 7 โรคเสี่ยง และสตรีตั้งครรภ์ แต่ยังติดปัญหาว่า ผู้สูงอายุในต่างจังหวัดยังกลัววัคซีน หรือบางคนมีอุปสรรคในการเดินทาง แต่กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดฉีดเชิงรุกเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถมารับวัคซีนได้เร็วที่สุด

 

 

ดังนั้น ในเดือนต.ค. เรากำหนดเป้ากลุ่มเสี่ยงผู้สูงอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป กลุ่ม 7 โรคเสี่ยง และสตรีตั้งครรภ์ ให้เสร็จสิ้นให้ใด้ 100 เปอร์เซ็นต์”นายสาธิต กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง