ไทยมุ่งสู่ศูนย์กลางความมั่นคงทางอาหาร

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปค ว่า การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ภูมิรัฐศาสตร์และขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจกำลังเปลี่ยนแปลง ทำให้ทุกประเทศต้องเร่งหาพันธมิตรใหม่ คู่ค้าใหม่ และสร้างศักยภาพของตนเองขึ้นมาใหม่
รัฐบาลภายใต้การนำของท่านนายกรัฐมนตรีจึงพยายามยกระดับแนวทางการค้าและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคเกษตร ที่จากเดิมเรามุ่งเน้นการส่งออกสินค้าเกษตรต้นน้ำ เช่น ข้าว ยางพารา หรือมันสำปะหลัง ก็ได้ขยายแนวทางไปสู่การยกระดับให้ประเทศไทยเป็น “ศูนย์กลางความมั่นคงทางอาหารของโลก” (Food Security Hub) เมื่อเราวางตำแหน่งเช่นนี้และสื่อสารในเวทีระหว่างประเทศ ทำให้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะทุกประเทศกำลังมองหาความมั่นคงทางอาหารระยะยาว ซึ่งไทยมีศักยภาพและความพร้อมในเรื่องนี้
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้มีโอกาสพูดคุยทวิภาคีตรงกับ 5 ประเทศในระดับรัฐมนตรี และพูดคุยกันว่า เราจะทำอย่างไรในเรื่องการค้าขายต่อกัน และการสร้างตลาดใหม่ให้เกิดขึ้น สำหรับนายกรัฐมนตรีของไทย ได้ร่วมกันกับ ผู้นำ 12 ประเทศ และ 3 องค์กรสำคัญ เช่น World Bank, WTO, IMF ซึ่งพูดคุยไปในลักษณะเดียวกัน
นางศุภจี กล่าวต่อว่า อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ประเทศไทยมีบทบาทนำคือ การผลักดัน กรอบความร่วมมือเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน (ASEAN Digital Economy Framework Agreement : DEFA) ซึ่งไทยทำหน้าที่เป็นประธานในการจัดทำกรอบความร่วมมือนี้ เพื่อเชื่อมโยงการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลระหว่างประเทศสมาชิก
ถ้าเราทำเรื่องนี้สำเร็จ อาเซียนจะเป็นภูมิภาคแรกของโลกที่มีกรอบดิจิทัลในการเชื่อมโยงข้อมูล ซึ่งจะยกระดับภูมิภาคของเราให้โดดเด่นในเวทีโลก และประเทศไทยในฐานะประธานตั้งใจจะหารือเพิ่มเติมในเดือนพฤศจิกายนนี้ ก่อนเข้าสู่การตกลงร่วมกันในเดือนเมษายนปีหน้า
ประเด็นสำคัญที่อาเซียนให้ความสนใจในการประชุมปีนี้ คือ Inclusivity (การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน) และ Sustainability (ความยั่งยืน) ส่วนการประชุมเอเปคมุ่งเน้น 3 หัวข้อหลัก ได้แก่ Connect (ความเชื่อมโยง) Innovation (นวัตกรรม) และ Prosperity (ความเจริญมั่งคั่งร่วมกัน)
ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล คือนโยบาย “Quick Big Win” โดยเน้น “กระตุ้นสั้น วางรากฐานยาว และกระจายตัว” ซึ่งตนได้มีโอกาสขึ้นพูดแทนนายกรัฐมนตรีบนเวที ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นได้มีการขอเจรจาแบบทวิภาคี ทั้งแบบเป็นทางการและกึ่งทางการจำนวนมาก จึงถือเป็นนิมิตหมายที่ดี และเราได้พยายามเจรจาเรื่องการค้าขาย เพื่อช่วยประชาชนให้ได้มากที่สุด