รีเซต

SNNP เดินเครื่องรง.เวียดนาม โบรกฯ ประเมินปี 66 รายได้แตะ 1 พันล.หนุนอัพไซต์ 1.50 บ.

SNNP เดินเครื่องรง.เวียดนาม โบรกฯ ประเมินปี 66 รายได้แตะ 1 พันล.หนุนอัพไซต์ 1.50 บ.
ทันหุ้น
7 พฤศจิกายน 2565 ( 10:27 )
24

#ทันหุ้น - SNNP  เปิดโรงงาน  S.T. Food Marketing Co., Ltd. ในเวียดนาม เปิดเดินสายผลิตและดำเนินการค้าเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการในไตรมาส 4 ปี 2565 วางเป้าหมายให้เป็นฐานการผลิตและศูนย์กระจายสินค้าสำคัญแบบครบวงจรในประเทศกลุ่ม CLMV รวมไปถึงประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ผู้บริหาร “ฐากร ชัยสถาพร” เผยสินค้าของบริษัทฯมีการขยายธุรกิจโดยการตั้งโรงงานในเวียดนาม จะช่วยสนับสนุนรายได้เพิ่ม ผลักดันอนาคตโตก้าวกระโดด ปักหมุดยอดขายในเวียดนามทะลุ 2,000 ล้านบาทในปี 2569 มีอัตราการเติบโตมากถึง 7 เท่าภายใน 5 ปี ฟาก บล.ดาโอ มีมุมมองบวก ประเมินหากรายได้เวียดนามปี 2566 เป็นไปตามบริษัทคาดที่ 1 พันล้านบาท จะเป็น upside ต่อประมาณการปี 2566 ที่ 6% หรือต่อราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 1.50 บาท

 

นายฐากร ชัยสถาพร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจต่างประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP เปิดเผยว่า การเปิดโรงงาน S.T.FOOD MARKETING ในประเทศเวียดนามในครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนรายได้ และกำไรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจะใช้เป็นฐานการผลิต และศูนย์กระจายสินค้าที่สำคัญไปยังต่างประเทศมากขึ้นในอนาคต 

 

โดยปัจจุบันสินค้าของบริษัทฯ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเวียดนาม ที่ผ่านมามีการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งโรงงานตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคค ดังนั้นจึงเป็นทำเลที่เหมาะสมตลอด 15 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการมีการส่งสินค้าไปยังเวียดนาม ทำให้มีความรู้ และความเข้าใจ รวมถึงการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในธุรกิจขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่มในเวียดนามเป็นอย่างดีมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง รวมถึงบริษัทคู่ค้าในท้องถิ่นที่มีความเชี่ยวชาญในการกระจายสินค้า และในเวียดนามเองมีประชากรมากถึงราว 99 ล้านคน ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะเป็นปัจจัยผลักดันให้ยอดขายสินค้ามีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับยอดขายผ่านตัวแทนจำหน่ายในเวียดนามช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 อยู่ที่ 218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  67% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนโดยมียอดขายอยู่ที่ 130 ล้านบาท มีสัดส่วนรายได้หลักมาจากขนมขบเคี้ยว 93% และกลุ่มสินค้าเครื่องดื่ม 7% ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตขึ้นได้เป็นอย่างดี และบริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายยอดขายในเวียดนามในปี 2569 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาทมีอัตราการเติบโตมากถึง 7 เท่า ภายใน 5 ปี

 

“โรงงาน S.T.FOOD MARKETING ได้เริ่มเดินสายการผลิตครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา และเปิดการค้าเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ ในไตรมาส 4 ปี 2565  โดยเริ่มผลิตขนมขึ้นรูป ขนมปังแท่ง ภายใต้เครื่องหมายการค้า “โลตัส” ซึ่งในปี 2566 บริษัทตั้งเป้าผลิตสินค้าภายใต้หมายการค้า”เบนโตะ” และ “เจเล่” ในไตรมาส 1 และ ไตรมาส 3 ตามลำดับ ขณะเดียวกันบริษัทฯมีแผนจะใช้โรงงานดังกล่าวเป็นฐานการผลิตที่สำคัญแบบครบวงจร ซึ่งเรามองเห็นถึงศักยภาพการขยายโอกาสทางการตลาดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเวียดนามมีความพร้อมในด้านของแรงงาน วัตถุดิบ และภูมิประเทศที่พร้อมจะเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิต เพื่อป้อนสินค้า และส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ในกลุ่ม CLMV และรวมไปถึงประเทศอื่นๆ ในเอเชียอีกด้วย" นายฐากร กล่าว

 

ทั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของ SNNP ที่ตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำทางการตลาดของขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มทั้งในและต่างประเทศได้เป็นอย่างดี ซึ่งบริษัทฯเชื่อมั่นว่าการลงทุนฐานการผลิตที่เวียดนาม จะช่วยสร้างผลตอบแทนและรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นให้กับบริษัทฯระยะยาวอย่างยั่งยืน

**แนะนำ "ซื้อ" เคาะเป้า 27 บาท

 

ด้าน บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีมุมมองเป็นบวกจากเปิดโรงงานในเวียดนาม โดยได้สอบถามไปยัง SNNP รายได้เวียดนามมีการเติบโตดีต่อเนื่อง โดยประเมินรายได้เวียดนามในปี 2565E ที่ 550 ล้านบาท (+66% YoY) และปี 2566E ที่ 730 ล้านบาท (+32% YoY) อย่างไรก็ตาม หากรายได้เวียดนามปี 2566E เป็นไปตามบริษัทคาดที่ 1 พันล้านบาท จะเป็น upside ต่อประมาณการปี 2566E ที่ 6% หรือต่อราคาเป้าหมายปี 2566E ที่ 1.50 บาท

 

คงประมาณการกำไรปกติปี 2565E ที่ 520 ล้านบาท (+69% YoY) หนุนโดย 1) รายได้รวมขยายตัว +25% YoY, 2) GPM ขยายตัวจาก utilization rate ที่ฟื้นตัวและสินค้าใหม่ที่มี GPM สูงเพิ่มขึ้น, 3) รับรู้ interest expenses ที่ลดลงเต็มปี และ 4) โรงงานที่กัมพูชาพลิกฟื้นเป็นกำไร และ SIRIPRO จะ breakeven ตั้งแต่ปลาย Q3/65E เป็นต้นไป ด้านปี 2566E ประเมินกำไรปกติที่ 680 ล้านบาท (+31% YoY)

 

ฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 27.00 บาท อิง 2566E PER ที่ 38.0x มองว่า valuation ไม่แพง ปัจจุบันเทรดอยู่ที่ 2566E PER ที่ 29.0x เทียบกับการเติบโตของกำไรปกติปี 2565E +69% YoY และปี 2566E โตต่อเนื่อง +31% YoY

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง