อินเดียเตรียมส่งออกวัคซีนโควิด-19 อีกครั้ง เริ่มตุลาคมนี้
India: อินเดียจะเริ่มส่งออกวัคซีนโควิด-19 อีกครั้ง เริ่มตั้งแต่เดือนหน้า หลังจากที่รัฐบาลใช้มาตรการจำกัดการส่งออกมาตั้งแต่เดือนเมษายน เพราะการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ Delta
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอินเดีย มานสุข มานดาวิยา กล่าวกับผู้สื่อข่าวในวันจันทร์ (20 กันยายน) ว่า เมื่อเริ่มการส่งออกวัคซีนอีกครั้งในเดือนหน้า อินเดียจะให้ความสำคัญกับการเข้าร่วมโครงการความร่วมมือด้านวัคซีนนานาชาติ COVAX และการช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านก่อนเป็นอันดับแรก
ก่อนหน้านี้ อินเดีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้รับความคาดหวังว่าจะเป็นผู้ส่งออกวัคซีนโควิดราคาถูกให้แก่ประเทศรายได้ต่ำและปานกลางทั่วโลก ผ่านโครงการวัคซีน COVAX แต่หลังจากที่ส่งออกวัคซีนไปราว 66 ล้านโดส ให้แก่ 100 ประเทศ รัฐบาลอินเดียได้ประกาศระงับการส่งออกเมื่อเดือนเมษายน เพื่อนำวัคซีนไปฉีดให้กับประชาชนในประเทศก่อน สืบเนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อในอินเดียที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะนั้น ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศที่รอวัคซีนโควิดจากอินเดีย
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอินเดีย กล่าวว่า การฉีดวัคซีนให้ประชาชนอินเดียอย่างครอบคลุมและทั่วถึงยังคงเป็นภารกิจสำคัญอันดับหนึ่ง
ปัจจุบัน มีประชากรวัยผู้ใหญ่ในอินเดียราว 20% ที่ได้รับวัคซีนครบเข็มแล้ว และประมาณ 1 ใน 3 ได้รับวัคซีนเข็มแรก โดยทางการอินเดียมีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ประชากรวัยผู้ใหญ่ทุกคนรวมทั้งหมด 900 ล้านคนให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้
มานสุข มานดาวิยา กล่าวว่า อินเดียจะสามารถผลิตวัคซีนได้ราว 300 ล้านโดสในเดือนหน้า และ 1,000 ล้านโดสในช่วงสามเดือนต่อจากนั้น
บริษัท Serum Institute of India ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งเป้าว่าจะผลิตวัคซีน AstraZeneca ได้ราว 200 ล้านโดสในเดือนหน้า ขณะที่บริษัทอื่น ๆ ตั้งเป้าผลิตวัคซีนอีกหลายล้านโดส ทั้งที่พัฒนาขึ้นในประเทศและวัคซีนจากต่างประเทศ เช่น วัคซีน Johnson & Johnson ของสหรัฐฯ และ Sputnik V ของรัสเซีย เป็นต้น
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี มีกำหนดพบหารือกับผู้นำประเทศกลุ่มจตุภาคี หรือ Quad ได้แก่ อินเดีย สหรัฐฯ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ที่กรุงวอชิงตัน เพื่อหารือเรื่องการแจกจ่ายวัคซีนให้ประเทศที่เดือดร้อนทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนมีนาคม กลุ่ม Quad ประกาศว่าจะร่วมกันผลิตวัคซีน 1,000 ล้านโดสในอินเดียภายในปี 2022 โดยสหรัฐฯ และญี่ปุ่นจะให้เงินสนับสนุนโครงการนี้