อินทผลัมเงินล้าน โคราช หยุดเข้าพรรษา 4 วัน ฟันเงินเกือบ 8 แสน
8 กรกฏาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรในหลายพื้นที่ของจังหวัดนครราชสีมาได้เริ่มปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกพืชจากการปลูกพืชไร่ เช่น มันสำปะหลัง ซึ่งประสบกับปัญหาราคาตกต่ำและไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน หันมาปลูก“อินทผลัมกินสด” เป็นพืชระยะยาวที่สามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะช่วงนี้กำลังประสบความสำเร็จให้ผลผลิตและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรสูงมาก
โดยที่ “ไร่ดังใหม่” ของนายบุญลือ ดังใหม่ วัย 50 ปี เกษตรกรบ้านจระเข้หิน หมู่ที่ 1 ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ลงทุนปลูกอินทผลัมเต็มพื้นที่ 30 ไร่ รวมกว่า 1,000 ต้น ขณะนี้อินทผลัมรุ่นแรกที่ปลูกไว้กว่า 100 ต้น ได้เริ่มให้ผลผลิตเหลืองอร่ามเต็มสวน มีคุณภาพ รสชาติหวานกรอบ ปลอดสารเคมี และเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลเข้าพรรษาที่ผ่านมา สวนแห่งนี้สามารถจำหน่ายผลอินทผลัมสดได้มากถึง 2,000 กิโลกรัม จำหน่ายราคากิโลกรัมละ 380 - 400 บาท สามารถสร้างเม็ดเงินได้มากกว่า 7 แสนบาทเลยทีเดียว
นายบุญลือ ดังใหม่ เจ้าของสวนอินทผลัม “ไร่ดังใหม่” เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ใช้พื้นที่แห่งนี้ปลูกมันสำปะหลังและอ้อยสลับกันมาทั้งชีวิต แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากราคาค่อนข้างต่ำและไม่แน่นอน จึงทดลองปลูกพืชอื่นๆที่จะสามารถสร้างรายได้ที่ดีกว่า และมีอายุเก็บเกี่ยวยาวนาน เพื่อหยุดระบบการลงทุนวนซ้ำไปซ้ำมาทุกๆปี โดยศึกษาตามแหล่งเรียนรู้ต่างๆ รวมถึง ช่องทางอินเตอร์เน็ท จนมาพบกับอินทผลัมกินสด ซึ่งเป็นพืชที่มองดูแล้วน่าสนใจ มีราคาสูง เป็นที่จูงใจของเกษตรและตลาด อีกทั้ง เป็นพืชที่ดูแลได้ง่าย มีถิ่นกำเนิดทางประเทศอาหรับที่แห้งแล้ง จึงมองว่า หากนำมาปลูกในที่ดินของตนซึ่งมีลักษณะเป็นดินร่วนปนทราย น่าจะได้ผลดีกว่า เพราะสภาพดินที่นี่สมบูรณ์กว่าถิ่นกำเนิดของอินทผลัมมาก โดยอินทผลัมมีอายุยืนกว่า 80 ปีเลยทีเดียว
จึงตัดสินใจลงทุนปลูกก่อนประมาณ 100 ต้น เป็นอินทผลัมกินสด พันธุ์บาฮี ราคาต้นละ 1,500 บาท หมดเงินไปประมาณ 150,000 บาท จากนั้นก็ให้น้ำดูแลตามความเหมาะสม และที่สวนจะไม่มีการใช้สารเคมี ระวังเพียงด้วงและแมลงวันทองที่จะมากัดกินน้ำเลี้ยงในช่วงที่ออกช่อจั่นและติดลูก โดยใช้วิธีกำจัดด้วยการนำตาข่ายมากางคลุมลำต้นป้องกันด้วง และใช้ขวดพลาสติกใส่ฟีโรโมนล่อแมลงวันทอง กับห่อจั่นผลในช่วงที่ให้ผลผลิต ซึ่งก็จะทำให้ได้ผลผลิตที่ดีและมีคุณภาพ ผ่านมาเพียง 4 ปี อินทผลัมในสวนรุ่นแรกก็ให้ผลผลิตเต็มต้น ประมาณ 100 กิโลกรัมต่อต้น รสชาติเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า เนื่องจากหวานกรอบอร่อย ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากสภาพดินที่อุดมสมบูรณ์
สำหรับลูกค้าในช่วงนี้ จะเป็นลูกค้าที่รับรู้ผ่านทางสื่อออนไลน์ที่ตนโฆษณาผ่านทางโลกโซเชียล จะมาเที่ยวชมและเลือกซื้อชิมกันถึงสวน ตนจึงปรับภูมิทัศน์ของสวนไว้ต้อนรับ ซึ่งกระแสตอบรับดีมาก ช่วงวันหยุดยาว 4 วันเทศกาลเข้าพรรษาที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมถึงสวนวันละกว่า 1,000 คน สามารถจำหน่ายอินทผลัมกิโลกรัมละ 380 – 400 บาท ได้วันละ กว่า 500 กิโลกรัม ถือเป็นรายได้ที่คุ้มค่าต่อการลงทุนจริงๆ ซึ่งนอกจากผลผลิตที่คุ้มค่าต่อการลงทุนแล้ว ตอนนี้ อินทผลัมรุ่นแรกยังแตกหน่อเตรียมที่จะใช้ขยายพันธุ์ได้เกือบทุกต้น และที่สำคัญ หน่อที่แตกออกจากต้น ยังเป็นหน่อที่มีคุณภาพมีคุณสมบุติทุกอย่างเหมือนกับต้นแม่ คือเป็นต้นตัวเมีย พร้อมที่จะนำไปปลูกและออกผลผลิตได้ทันที ซึ่งหน่อที่มีความสมบูรณ์พร้อมปลูกและให้ผลผลิตจะมีราคาสูงถึงต้นละ 7 – 8 พันธุ์บาท
นายบุญลือฯ กล่าวอีกว่า หลังจากที่ประสบความสำเร็จแล้วในรุ่นแรก ได้ตัดสินใจลงทุนปลูกเพิ่ม จนเต็มเนื้อที่ 30 ไร่ รวมตอนนี้ มีอินทผลัมกว่า 1,000 ต้น ลงทุนไปทั้งสวนหมดประมาณ 3 ล้านบาท และอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะให้ผลผลิตเพิ่มมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว ได้วางแผนการทำการตลาดไว้รองรับแล้ว ตอนนี้สามารถนำผลผลิตไปวางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าชื่อดังได้แล้ว ควบคู่ไปกับการจำหน่ายทางออนไลน์และให้มาเลือกซื้อถึงสวน ซึ่งมั่นใจว่า จะประสบความสำเร็จจากพืชชนิดนี้อย่างเต็มที่แน่นอน
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline