AIลุ้นคว้างานล็อตใหญ่ โครงสร้างพื้นฐานรัฐดัน
#AI #ทันหุ้น – AI เตรียมรับงานลูกถ้วยไฟฟ้าล็อตใหญ่ปลายปี 2565 มั่นใจมีงานเข้ามาไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี
เดินหน้าคุมต้นทุน ปรับปรุงการผลิต ส่งผลให้รักษามาร์จิ้นได้ ด้าน AIE อยู่ระหว่างรอนโยบายภาครัฐ มั่นใจทั้ง 2 ธุรกิจยังมีการเติบโต เพราะเป็นอินฟราสตรักเจอร์ที่ภาครัฐจะต้องมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
นายธนิตย์ ธารีรัตนาวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ AI เปิดเผยว่า คาดว่าจะมีงานประมูลลูกถ้วยไฟฟ้าขนาดใหญ่เข้ามาในช่วงไตรมาสที่ 4/2565 ส่วนใหญ่จะเป็นงานจากกลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐต่างๆ อาทิ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และลูกค้ากลุ่มเป้าหมายรองได้แก่ ผู้รับเหมา ซึ่งรับเหมางานปักเสาและพาดสายจาก กฟภ. และ กฟน.
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีงานลูกถ้วยไฟฟ้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นงานขนาดเล็ก ซึ่งทยอยเข้ามาทุกสัปดาห์ จึงยังไม่สามารถรวมมูลค่าได้ว่าบริษัทมีงานที่รอทยอยส่งมอบมากน้อยแค่ไหน เดิมบริษัทจะมีงานเข้ามาต่อปีไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
*คุมต้นทุนอัพมาร์จิ้น
ด้านกำลังการผลิตของบริษัทปัจจุบันอยูที่ 90-95% ส่วนทางด้านต้นทุนเชื้อเพลิง (Liquid Petroleum Gas) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเตาเผาลูกถ้วยไฟฟ้า ปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับต้นทุนค่าแรง และค่าเงินบาทที่อ่อนค่า เนื่องจาก บริษัทต้องสั่งสินค้าจากต่างประเทศ แต่บริษัทยังสามารถบริหารและควบคุมได้เป็นอย่างดี แม้จะกระทบต่อธุรกิจบ้าง ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างบริหารจัดการต้นทุนภายในให้ประสิทธิภาพสูงสุด ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับปรุงการผลิต ซึ่งทำให้อัตรากําไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ยังดีอยู่ โดยในปี 2564 ที่ผ่านมาปรับตัวดีขึ้นมากกว่า 50%
*AIE รอนโยบายรัฐ
สำหรับทิศทางการเติบโตของ บริษัท เอไอ เอนเนอร์จี จำกัด (มหาชน) หรือ AIE ผู้ผลิตพลังงานทดแทนน้ำมันไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์มที่มีขนาดใหญ่ ด้วยระบบการกลั่น และการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล ปัจจุบันยังทรงตัว เนื่องจากภาครัฐยังไม่ได้มีนโยบายออกมาว่าจะลดหรือเพิ่ม จากที่ได้เห็นชอบปรับลดสูตรผสมน้ำมันไบโอดีเซล (B100) จากปัจจุบันมี B7เกรดเดียวให้เป็น B5ทั้งนี้เพื่อรักษาระดับความผันผวนของราคาน้ำมันในการตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร รวมถึงราคาวัตถุดิบมีการปรับตัวสูงขึ้น ตามราคาตลาดในต่างประเทศทำให้กระทบต่อยอดขายของบริษัท
แต่อย่างไรก็ตามในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2565 รัฐบาลอินโดนีเซีย ได้ยกเลิกมาตรการจำกัดการส่งออกปาล์มดิบทำให้มีผลผลิตเข้าสู่ตลาดโลกมากขึ้นและเกิดความกลัวต่อภาวะทดถอยของราคา เป็นผลให้ราคาวัตถุดิบปรับตัวลดลงมาในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2565 ทั้งนี้สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ราคาไบโอดีเซลปรับตัวลดลงตามไปด้วย เเต่อย่างไรก็ตามบริษัทบังต้องติดตามราคาต้นทุนวัตถุดิบต่างๆ อย่างใกล้ชิด
*อินฟราสตรักเจอร์หนุน
โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตกว่า 7 แสนลิตรต่อวัน ซึ่งเดินเครื่องอยู่เพียง 50-60%สาเหตุหลักมาจากปริมาณการใช้น้ำมันของลูกค้ารายเดิม มีความต้องการที่ลดลงและการปรับลดสูตรผสมน้ำมันไบโอดีเซล (B100) จากปัจจุบันมี B7 เกรดเดียวให้เป็น B5 ทำให้ปริมาณการใช้และปริมาณการผลิตไบโอดีเซลลดลงตามไปด้วย
อย่างไรก็ดีบริษัทมองว่า ธุรกิจของ AI-AIE ในอนาคตยังถือว่ามีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเพราะว่า ทั้ง 2 ธุรกิจเป็น “อินฟราสตรักเจอร์” การลงทุนพื้นฐานของภาครัฐ ทั้งด้านไฟฟ้าและน้ำมัน