รีเซต

“พาวเวล” เตือนราคา “หุ้นสหรัฐ” อยู่ในระดับสูง ย้ำความเสี่ยงรอบด้าน เงินเฟ้อ–ตลาดแรงงาน

“พาวเวล” เตือนราคา “หุ้นสหรัฐ” อยู่ในระดับสูง ย้ำความเสี่ยงรอบด้าน เงินเฟ้อ–ตลาดแรงงาน
TNN ช่อง16
24 กันยายน 2568 ( 20:00 )
10

“พาวเวล” ยอมรับราคาสินทรัพย์รวมถึงหุ้นของสหรัฐฯพุ่งสูง ขณะนโยบายการเงินยังต้องบริหารระหว่างความเสี่ยงเงินเฟ้อขาขึ้นกับการจ้างงานที่อ่อนแรงลง


สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวที่เมืองพรอวิเดนซ์ รัฐโรดไอแลนด์ว่า ราคาสินทรัพย์รวมถึงหุ้นอยู่ในระดับสูง โดยระบุว่าเฟดติดตามเงื่อนไขทางการเงินโดยรวม และประเมินว่านโยบายที่ใช้อยู่ส่งผลตามเป้าหมายหรือไม่ พร้อมยอมรับว่าหากวัดตามตัวชี้วัดหลายด้าน ราคาหุ้นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงทีเดียว


ก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความเชื่อมั่นว่า FOMC จะปรับลดดอกเบี้ย โดยหลังการลดดอกเบี้ย 0.25% เมื่อสัปดาห์ก่อน ดัชนีหุ้นสหรัฐทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีหลังพาวเวลแสดงความเห็นว่าราคาหุ้นอยู่ในระดับสูง ตลาดหุ้นก็ปรับตัวลง


พาวเวลกล่าวว่า นโยบายการเงินยังคงต้องเผชิญกับความท้าทาย โดยความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อโน้มเอียงขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงด้านการจ้างงานโน้มเอียงลง เขาระบุว่า นี่คือสถานการณ์ที่ยากลำบาก ไม่มีเส้นทางใดที่ปราศจากความเสี่ยง พร้อมย้ำว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันที่ 4.00–4.25% ยังเพียงพอที่จะกดดันเงินเฟ้อ แต่ก็เปิดโอกาสให้เฟดสามารถตอบสนองต่อพัฒนาการทางเศรษฐกิจได้ โดยนโยบายไม่ได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า


ทั้งนี้ความเห็นของพาวเวลเกิดขึ้น ท่ามกลางเสียงแตกในเฟดเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ย มิเชล โบว์แมน (Michelle Bowman) รองประธานเฟดด้านการกำกับดูแล เรียกร้องให้เฟดเร่งปรับลดดอกเบี้ยเพื่อปกป้องตลาดแรงงานที่เริ่มส่งสัญญาณเปราะบาง โดยชี้ว่าการลดดอกเบี้ยเชิงรุกจะช่วยพยุงการจ้างงานได้ดีกว่าการแก้ไขภายหลังหากตลาดแรงงานทรุดตัว ขณะที่ ออสตัน กูลส์บี (Austan Goolsbee) ประธานเฟดสาขาชิคาโก เตือนว่าการลดดอกเบี้ยเร็วเกินไปอาจเสี่ยงทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูงอีกครั้ง เนื่องจากยังอยู่เหนือเป้าหมายราว 1% และผลกระทบจากมาตรการภาษียังไม่ชัดเจน

ขณะที่การประชุมครั้งถัดไปของเฟด จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 28–29 ตุลาคม โดยตลาดคาดว่ามีโอกาสสูงที่เฟดจะลดดอกเบี้ยอีกครั้ง และอาจลดต่อในเดือนธันวาคม ตามแนวโน้มที่เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณไว้


พาวเวลกล่าวเพิ่มเติมว่า หากเฟดลดดอกเบี้ยเร็วเกินไป อาจทำให้การควบคุมเงินเฟ้อไม่สำเร็จและต้องกลับมาขึ้นดอกเบี้ยภายหลัง แต่หากคงดอกเบี้ยในระดับสูงนานเกินไป อาจทำให้ตลาดแรงงานอ่อนแรงโดยไม่จำเป็น ปัจจุบันการจ้างงานใหม่เฉลี่ยเพียง 25,000 ตำแหน่งในรอบ 3 เดือน ต่ำกว่าระดับที่รักษาอัตราว่างงานให้คงที่ ขณะที่เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงพอสมควร โดยได้รับแรงกดดันจากมาตรการภาษีของรัฐบาล แม้ผลกระทบจะค่อย ๆ คลายตัว แต่เฟดยังต้องมั่นใจว่าจะไม่กลายเป็นปัญหาเงินเฟ้อเรื้อรัง


นอกจากนี้พาวเวลยังยอมรับด้วยว่า เวลานี้เฟดกำลังเผชิญแรงกดดันทางการเมืองอย่างหนักจากรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้เฟดลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น ขณะเดียวกันก็พยายามปลดผู้ว่าการเฟดบางรายและตั้งคำถามต่อมาตรการฉุกเฉินที่เฟดเคยใช้ในช่วงโควิดและวิกฤตการเงินปี 2007–2009 พาวเวลย้ำว่ามาตรการเหล่านั้นช่วยหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่เลวร้ายกว่าสำหรับเศรษฐกิจ และแม้จะผ่านวิกฤตสองครั้งใหญ่ เศรษฐกิจสหรัฐก็ยังทำผลงานได้ดีกว่าหลายประเทศพัฒนาแล้ว โดยเขาสรุปว่า ผู้ที่ทำงานรับใช้สาธารณะในเวลานี้ต้องโฟกัสกับภารกิจสำคัญอย่างเต็มที่ ท่ามกลางกระแสลมแรงและสภาวะที่ผันผวน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง