มัดรวมวีรกรรม “ทรัมป์” สะเทือนโลก หวั่นเศรษฐกิจถดถอยหนัก

ยังไม่ถึง 3 เดือนดี นับตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทุกการเคลื่อนไหวของเขาก็ทำสั่นสะเทือนไปทั่วโลก
ตั้งแต่ขึ้นภาษี ไปจนถึงการยุบหน่วยงานบางส่วนของภาครัฐ โดยมองว่า อเมริกาถูกเอาเปรียบมานานเกินไป
แล้วที่ผ่านมา “ทรัมป์” ทำอะไรไปแล้วบ้าง จนทำให้ทั่วโลกต้องหันมาจับจ้อง และตั้งคำถามว่า นี่จะเป็นการช่วยให้สหรัฐฯ ดีขึ้น หรือ ทำเศรษฐกิจโลกถดถอยหนักกว่าเดิม
เปิดศึกสงครามการค้า ขึ้นภาษีทั่วโลก
เรื่องแรก คือ การประกาศสงครามการค้าทั่วโลก เมื่อทรัมป์เปิดศึก ขึ้นภาษีสินค้านำเข้า เกือบทุกประเทศทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ไทย ที่โดนไป 36%
หนักสุด คือ จีน ที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ขึ้นภาษีตอบโต้กลับ จนตอนนี้ สหรัฐฯ ตัดสินใจขึ้นภาษีกับจีนรวมทั้งสิ้น 125%
หลายประเทศต้องเร่งหันมาเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ และแม้ว่า ทรัมป์จะชะลอการขึ้นภาษีไปอีก 90 วันกับประเทศที่ไม่ได้ออกมาตรการตอบโต้แล้ว แต่ตอนนี้ การประกาศขึ้นภาษีของทรัมป์ได้สร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลก ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ และอาจย้อนกลับมาทำร้ายชาวอเมริกันได้
ตัดงบช่วยเหลือต่างประเทศ หวั่นโรคระบาดรุนแรง
ในระยะเวลาไม่ถึง 100 วันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี “ทรัมป์” ก็ลงนามคำสั่งพิเศษไปแล้วถึง 117 ฉบับ มากกว่าการเป็นประธานาธิบดีสมัยแรกของเขา 4 ปีเสียอีก
หนึ่งในคำสั่งพิเศษ ที่ทำให้ต้องสั่นคลอนไปทั่วโลก นั่นคือ การตัดงบช่วยเหลือด้านการต่างประเทศของหน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะหน่วยงาน USAID ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมทั่วโลก ด้วยการให้สิ่งของต่าง ๆ อย่าง อาหาร, สุขภาพ และการบรรเทาภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั่วโลก
การลดงบช่วยเหลือนี้ ทำให้เกิดผลกระทบใหญ่มากับกลุ่มประเทศยากจน โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือด้านสาธารณสุข ที่พยายามหยุดยั้งโรคระบาดต่าง ๆ เช่น เอดส์ วัณโรค เป็นต้น
อนาคตการแพร่กระจายของโรคเหล่านี้ อาจเพิ่มมากขึ้น หากงบสำหรับความพยายามในการหยุดยั้งโรคระบาดต่าง ๆ หยุดชะงักตลอดไป
ยุบกระทรวง ปลดพนักงานรัฐ
นโยบายการดำเนินงานของรัฐบาลทรัมป์ ไม่ได้ส่งผลแค่ชาติอื่น ๆ เท่านั้น แต่กลับส่งผลกระทบกับคนในประเทศด้วย อย่างการประกาศยุบหน่วยงาน และปลดพนักงานรัฐบางส่วน
เชื่อกันว่า จนถึงตอนนี้ มีพนักงานรัฐบาลสหรัฐฯ กว่า 24,000 คน จากหน่วยงานรัฐบาลกลาง 18 แห่ง ที่ถูกเลิกจ้างจากคำสั่งของรัฐบาล
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังลงนามเซ็นคำสั่งยุบกระทรวงศึกษาธิการ ที่ตัวเองมองว่า เป็นการสิ้นเปลือง และไม่เห็นประโยชน์อะไรจากการมีหน่วยงานนี้
นี่เป็นเพียงแค่นโยบายบางส่วนที่ดำเนินการโดยรัฐบาลทรัมป์ แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้คนอเมริกัน ไม่พอใจกับการบริหารครั้งนี้ จนทำให้เกิดการประท้วงขึ้น
ชาวอเมริกันเดินขบวนประท้วง ต้านรัฐบาลทรัมป์
ประชาชนทั่วทุกสารทิศมารวมตัวกันตามเมืองต่างของสหรัฐฯ ออกมาเดินขบวนขับไล่ทรัมป์ และอีลอน มัสก์ ภายใต้ชื่อว่า Hand-off หลังไม่พอใจการบริหารประเทศของพวกเขา ซึ่งนับได้ว่า เป็นการประท้วงครั้งใหญ่สุด ตั้งแต่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
นโยบาย “ทรัมป์” ดีจริงหรือ ?
เว็บไซต์ The Conversation เผยว่า นโยบายภาษีต่างตอบแทน หรือ นโยบายอื่น ๆ ของทรัมป์ก่อนหน้านี้ กำลังทำให้สหรัฐฯ กลับเข้าสู่ศตวรรษที่ 19
บรรดาผู้เชี่ยวชาญ เผยว่า แม้ว่าทรัมป์จะมองว่า นโยบายนี้ เป็นการทำให้อเมริกาปลอดภัย และรวยมากขึ้น แต่นั่นเป็นการแก้ปัญหาในสมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งไม่สามารถใช้ได้ผลกับโลกยุคปัจจุบัน และแนวทางดังกล่าว อาจทำให้อเมริกาถดถอยไปจนเข้าสู่ยุค The Great Depression หรือ ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ซึ่งย่อมส่งผลเสียมากกว่าผลดี
ขณะที่ สำนักข่าว Al Jazeera เผยว่า การประกาศขึ้นภาษีใหม่ครั้งนี้ของทรัมป์ อาจจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ แย่ลง และค่าเงินดอลลาร์ก็อ่อนตามลงไปด้วย แทนที่จะทำให้ประเทศชาติเข้มแข็งขึ้น
ราคาสินค้าแพงขึ้น ชาวอเมริกันต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และนั่นอาจจะนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อได้ เมื่อของทุกอย่างที่วางขายในสหรัฐฯ มีราคาที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ ความเชื่อใจที่หลายประเทศทั่วโลกมีต่อสหรัฐฯ ลดลง แม้กระทั่งประเทศพันธมิตร อันเป็นผลมาจากนโยบายที่แข็งกร้าวของทรัมป์ ซึ่งนั่นอาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจระยะยาว และบทบาทความเป็นผู้นำโลกของสหรัฐฯ ในอนาคต
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
https://www.cbsnews.com/news/federal-probationary-workers-mass-firing-rehired/
https://www.bbc.com/news/articles/cz79ewg193ro
https://www.economist.com/interactive/trump-approval-tracker/hundred-days