กัมพูชากู้ศรัทธาโลก จากศูนย์กลางสแกม สู่วาระแห่งการล้างบางอาชญากรรมออนไลน์

กัมพูชาเปิดปฏิบัติการครั้งใหญ่ หลังถูกมองเป็นศูนย์กลางสแกมโลก
หลังจากถูกนานาชาติวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องว่าเป็นแหล่งซ่องสุมของขบวนการหลอกลวงทางออนไลน์ รัฐบาลกัมพูชาตัดสินใจเปิดปฏิบัติการ “กวาดล้างสแกม” ครั้งใหญ่ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 โดยจัดตั้ง คณะกรรมการเฉพาะกิจต่อต้านการหลอกลวงทางออนไลน์ เพื่อเร่งจัดการเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่ฝังรากลึกในหลายจังหวัด
ช่วงแรกของปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในหลายเมืองสำคัญ เช่น สีหนุวิลล์ พระสีหนุ และไพลิน ซึ่งเคยเป็นฐานปฏิบัติการของกลุ่มที่ล่อลวงแรงงานต่างชาติให้เข้ามาทำงานในศูนย์หลอกลวง จากนั้นได้ขยายผลไปยังพื้นที่ชายแดนและเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มักถูกใช้เป็นที่ตั้งของศูนย์คอลเซ็นเตอร์และศูนย์ข้อมูลหลอกลวง
ตลอดระยะเวลาสามเดือนของปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่สามารถบุกตรวจค้นได้รวม 92 จุด ใน 18 จังหวัดจากทั้งหมด 25 จังหวัดทั่วประเทศ ผลการจับกุมล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ระบุว่ามีผู้ต้องสงสัยถูกควบคุมตัวแล้ว 3,455 ราย ซึ่งมีสัญชาติต่าง ๆ กว่า 20 ประเทศ รวมถึงจีน เมียนมา ไทย เวียดนาม และฟิลิปปินส์
ในจำนวนนี้มีหัวหน้าเครือข่ายและผู้บริหารศูนย์หลอกลวงหลายสิบคนที่ถูกส่งฟ้องต่อศาลเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนผู้ร่วมขบวนการระดับล่างและผู้ที่ไม่มีถิ่นพำนักถูกส่งกลับประเทศต้นทาง ขณะที่ทรัพย์สินจำนวนมาก เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และบัญชีคริปโทเคอร์เรนซี ถูกยึดไว้เพื่อใช้ในการสอบสวนขยายผล
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้รัฐบาลกัมพูชาต้องเร่งมือ คือกรณี นักศึกษาชาวเกาหลีใต้ที่ถูกหลอกให้ไปทำงานในศูนย์สแกม แล้วถูกทำร้ายจนเสียชีวิตเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เหตุการณ์นี้สร้างแรงกดดันอย่างรุนแรงจากรัฐบาลโซล ที่เรียกร้องให้กัมพูชาดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมประกาศส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือพลเมืองของตนในประเทศ
แรงกดดันจากต่างประเทศ โดยเฉพาะเกาหลีใต้และจีน ทำให้รัฐบาลพนมเปญเร่งขยายผลปฏิบัติการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ขณะเดียวกันยังพยายามฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักท่องเที่ยว ด้วยการย้ำว่ากัมพูชาจะไม่ยอมให้ประเทศถูกใช้เป็นฐานหลอกลวงหรือกักขังแรงงานอีกต่อไป
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของคณะกรรมการเฉพาะกิจยืนยันว่า ปฏิบัติการจะดำเนินต่อเนื่องจนกว่าจะสามารถทำลายเครือข่ายทั้งหมด ทั้งในรูปแบบศูนย์คอลเซ็นเตอร์ เว็บไซต์เทรดปลอม และขบวนการหลอกลงทุน โดยรัฐบาลตั้งเป้าว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถปิดศูนย์หลอกลวงที่เหลือได้ทั้งหมด
ปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในความเคลื่อนไหวด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของกัมพูชา และถูกมองว่าเป็น “บททดสอบศักดิ์ศรี” ของรัฐบาลในการกอบกู้ภาพลักษณ์ประเทศ ท่ามกลางแรงกดดันจากทั้งภายในและนานาชาติ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
