อุตุฯ โลกชี้ 'ก๊าซเรือนกระจก' พุ่งสูงต่อเนื่อง แม้ล็อกดาวน์โควิด-19
(แฟ้มภาพซินหัว : ชายสวมหน้ากากอนามัยขณะเดินบนสะพานลอนดอน กรุงลอนดอน เมืองหลวงของสหราชอาณาจักร วันที่ 5 พ.ย. 2020)
เจนีวา, 23 พ.ย. (ซินหัว) -- เมื่อวันจันทร์ (23 พ.ย.) องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) แถลงว่าปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2019 และเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ แม้อุตสาหกรรมจะชะลอตัวเนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
องค์การฯ ระบุว่าระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นทุบสถิติใหม่ที่ 410.5 ส่วนต่อล้านส่วน (ppm) ในปี 2019 เพิ่มขึ้นจาก 407.9 ส่วนต่อล้านส่วนในปี 2018 และ 400.1 ส่วนต่อล้านส่วนในปี 2015 โดยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2020"การประมาณการเบื้องต้นชี้ว่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อปีของปี 2020 อยู่ที่ระหว่างร้อยละ 4.2-7.5" องค์การฯ กล่าว "ตามมาตรฐานสากลแล้ว การลดการปล่อยก๊าซในระดับนี้จะไม่ช่วยให้ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศลดลงแต่อย่างใด""การลดลงของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกี่ยวข้องกับมาตรการล็อกดาวน์เป็นเพียงจุดเปลี่ยนเล็กๆ ในกราฟระยะยาวเท่านั้น เราต้องการกราฟที่ชี้ว่าปริมาณก๊าซลดลงอย่างต่อเนื่อง" เพตเตรี ทาลัส เลขาธิการองค์การฯ เน้นย้ำ"การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทว่ามันช่วยให้เรามีโอกาสดำเนินงานด้านสภาพอากาศที่ยั่งยืนและยิ่งใหญ่มากขึ้น เพื่อที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ผ่านการเปลี่ยนแปลงระบบอุตสาหกรรม พลังงาน และการขนส่งโดยสมบูรณ์"