อิหร่านผลิตโลหะยูเรเนียม IAEA พบ 3.6 กรัม ละเมิดรอบใหม่ข้อตกลงนิวเคลียร์
อิหร่านผลิตโลหะยูเรเนียม - วันที่ 11 ก.พ. บีบีซี รายงานว่า อิหร่านเริ่มการผลิตโลหะยูเรเนียม แม้จะถูกบรรดามหาอำนาจโลกเตือนว่าถือเป็นการละเมิดข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 อีกครั้ง ซึ่งอิหร่านตกลงที่จะไม่ผลิตโลหะยูเรเนียม หรือดำเนินการวิจัยและพัฒนา วิศวกรรมโลหการยูเรเนียม (uranium metallurgy) เป็นเวลา 15 ปี
https://www.youtube.com/watch?v=rqHmEZ2iW9Y
ทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ระบุเมื่อเย็นวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า นายราฟาเอล มาเรียโน กรอสซี ผู้อำนวยการใหญ่ IAEA แจ้งรัฐสมาชิกถึงการพัฒนาเกี่ยวข้องกับกิจกรรมการวิจัยและพัฒนา (R&D) การผลิตโลหะยูเรเนียมของอิหร่านเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายผลิตเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องปฏิกรณ์การวิจัยเตหะราน (Tehran Research Reactor)
ภายหลังที่คณะผู้ตรวจสอบ ทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ยืนยันเมื่อวันที่ 8 ก.พ. ว่า มีโลหะยูเรเนียม 3.6 กรัม ที่โรงงานผลิตแผ่นเชื้อเพลิงในเมืองอิสฟาฮัน (ห่างจากกรุงเตหะรานไปทางใต้ 406 กิโลเมตร)
ขณะที่สหรัฐอเมริกา โดย นายเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ตอบคำถามถึงการละเมิดข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่านครั้งล่าสุดว่า สหรัฐจะเดินหน้าเรียกร้องให้อิหร่านกลับมาปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์
"เนื่องจากจะเป็นการเปิดแนวทางการทูตสำหรับสหรัฐ และเราหวังว่าจะสามารถดำเนินตามแนวการทูตได้อย่างแน่นอน เพื่อแก้ไขสิ่งที่เราคิดว่าเป็นความท้าทายเร่งด่วน" นายไพรซ์กล่าว
ที่ผ่านมา อิหร่านยืนกรานว่า โครงการนิวเคลียร์ดำเนินเป็นไปอย่างสันติ แต่ยกเลิกข้อผูกพันหลายประการภายใต้ข้อตกลงนิวเคลียร์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
อิหร่านระบุว่ากำลังตอบโต้การลงโทษทางเศรษฐกิจ (แซงก์ชั่น) ของ สหรัฐอเมริกา ที่กลับมามีผลในปี 2561 หลังจากที่ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าว แต่ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวว่า อิหร่านต้องกลับมาปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างสมบูรณ์ ก่อนที่ตนจะยกเลิกแซงก์ชั่น
ส่วน นายโมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ เตือนก่อนหน้านี้ว่า แม้ว่ารัฐบาลอิหร่านจะมีโอกาสลองแนวทางใหม่กับรัฐบาลใหม่ของสหรัฐ แต่แนวทางดังกล่าวได้หายวับไป
“อีกไม่นานจะถูกบังคับดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อตอบสนองต่อความล้มเหลวน่าหดหู่ใจของอเมริกาและยุโรป ในการดำเนินตามพันธะสัญญาภายใต้ข้อตกลงนิวเคลียร์” นายซารีฟกล่าว
เมื่อเดือนที่แล้ว อิหร่านเริ่มเสริมสมรรถนะยูเรเนียมให้มีความบริสุทธิ์ 20% สูงกว่าระดับ 3.67% ที่ได้รับอนุญาตภายใต้ข้อตกลงนิวเคลียร์ โดยยูเรเนียมที่มีความบริสุทธิ์ 20% สามารถใช้ในเครื่องปฏิกรณ์การวิจัย ส่วนยูเรเนียมเกรดอาวุธต้องมีความบริสุทธิ์มากกว่า 90% ขึ้นไป
องค์การพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่าน (AEOI) กล่าวว่า อิหร่านเริ่มกิจกรรมวิจัยและพัฒนาด้วยจุดประสงค์ของการผลิตเชื้อเพลิงขั้นสูงที่เรียกว่า ซิลิไซด์ (silicide) สำหรับเครื่องปฏิกรณ์การวิจัยเตหะราน ซึ่งส่วนใหญ่ทำ ไอโซโทปรังสี เพื่อวัตถุประสงค์การแพทย์
AEOI เน้นว่า โลหะยูเรเนียมมีการใช้อย่างสันติ และไม่ได้ละเมิดสนธิสัญญาระดับโลกว่าด้วยการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (Non-Proliferation of Nuclear Weapons)
อย่างไรก็ตาม โลหะยูเรเนียมสามารถนำมาใช้ทำแกนระเบิดนิวเคลียร์ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: อิหร่านแจ้งยูเอ็น เล็งยกระดับการเสริมสมรรถนะ "ยูเรเนียม" เพิ่มเป็น 20%
อังกฤษ ฝรั่งเศส และ เยอรมนี 3 ชาติ จาก 5 ชาติมหาอำนาจโลก ที่ยังเป็นภาคีข้อตกลงนิวเคลียร์ดังกล่าว ระบุว่า มีความกังวลอย่างยิ่งที่อิหร่านประกาศเช่นนี้ออกมา
"อิหร่านไม่มีการใช้โลหะยูเรเนียมโดยพลเรือนที่น่าเชื่อถือ การผลิตโลหะยูเรเนียมของอิหร่านอาจส่งผลกระทบทางทหารอย่างร้ายแรง" 3 ชาติมหาอำนาจโลกเตือน
ทั้งนี้ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว สภาอิหร่านโดยส.ส.สายสุดโต่งผ่านกฎหมายกำหนดให้รัฐบาลเดินโรงงานผลิตแผ่นเชื้อเพลิงในเมืองอิสฟาฮานภายในห้าเดือน หลังการลอบสังหาร นายมอห์เซน ฟาครีซาเดห์ นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชั้นนำของอิหร่าน ซึ่งถูกลอบสังหารด้วยคาร์บอมบ์ และผู้นำอิหร่านกล่าวโทษอิสราเอล อยู่เบื้องหลัง
กฎหมายดังกล่าวระบุด้วยว่า หากสหรัฐไม่ยกเลิกแซงก์ชั่นภายในปลายสัปดาห์หน้ารัฐบาลอิหร่านจะต้องเพิ่มปริมาณยูเรเนียมและหยุดดำเนินการตามข้อตกลงที่อนุญาตให้ผู้ตรวจสอบเยี่ยมชมโรงงานนิวเคลียร์ได้โดยแจ้งให้ทราบล่วงหน้าสั้นๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
อิหร่านซัดฝีมืออิสราเอล ลอบฆ่านักวิทย์นิวเคลียร์ รถพรุนคาถนน