'บีทีเอส' หวังชนะประมูลสายสีส้ม 1.4 แสนล้าน ลั่นพร้อมลงทุนระบบราง-โครงสร้างพื้นฐาน ร่วมฟื้นปท.

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ที่ โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ รางน้ำ นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)(บีทีเอสซี) ร่วมวงเสวนา หัวข้อ “ลงทุน2020 ฟื้นฟูเศรษฐกิจ สร้างชาติ สร้างงาน” ร่วมฟื้นฟูประเทศไทยครบมิติสำคัญหลังวิกฤตโควิด-19 ในงานสัมมนาครั้งยิ่งใหญ่ จัดโดย บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิดชีวิตวิถีใหม่(New Normal)
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับบีทีเอส มีทั้งส่วนที่ลงทุนเองและร่วมกับพาร์ทเนอร์อื่น ในช่วงวิกฤตโควิด-19 การลงทุนที่เหมาะสมที่สุดคือ การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นโครงการระยะยาว ที่จะเสร็จสิ้นช่วงที่พ้นวิกฤตโควิด-19 ตามที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ถ้าจะเป็นผู้ชนะคือต้องมองโอกาส ในปัญหา ทางบีทีเอสได้เดินตามนั้น ฉะนั้นช่วงโควิด-19 เราไม่ชะลอแต่กลับเร่งทำให้มากขึ้น
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า รถไฟฟ้า 4 เส้นทาง ที่ก่อสร้างอยู่ ได้แก่ 1.โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่เปิดบริการมาแล้ว 20 ปี มีสถานีรถไฟฟ้าให้บริการประชาชนทั้งสิ้น 52 สถานี รวมระยะทาง การให้บริการ 58.32 กิโลเมตร(กม.) และจะพัฒนาส่วนต่อขยาย โดยทางทิศใต้ จะเปิดจนถึง จ.สมุทรปราการ ทิศเหนือ เริ่มทยอยเปิดไปแล้วขณะนี้เปิดถึงสถานีวัดพระศรี และสิ้นปี 2563 นี้จะเปิดถึงสถานีคูคต จะทำให้มีสถานีให้บริการทั้งสิ้น 59 สถานี รวมระยะทาง 68.25 กม. 2.โครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี วงเงินโครงการ 31,680 ล้านบาท ระยะทางประมาณ 34.5 กม. รวม 30 สถานี 3.โครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง วงเงิน 31,680 ล้านบาท ระยะทางประมาณ 30.4 กม. รวม 23 สถานี
“โดยในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง มีความคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 50% เป็นรถไฟฟ้าโมโนเรล สายแรกของประเทศไทย คาดว่าปลายปีหน้าจะเปิดบริการทั้ง 2 สาย แต่ยังไม่เต็มโครงการ เนื่องจากปัญหาของการส่งมอบพื้นที่ และตามนโยบายไทยเฟิร์ส โดยรถไฟฟ้าทั้งสายสีชมพูและสีเหลือง จะริเริ่มในการใช้คนไทยทำ งานโยธาใช้คนไทย โดยบมจ.ซิโน-ไทยเอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และมีอุปกรณ์หลายอย่างที่เราขอให้ผลิตในประเทศไทย เพื่อการซ่อมบำรุง การส่งออก ไปจนถึงการนำไปทำสายอื่นในอนาคต” นายสุรพงษ์ กล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า 4.โครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง เป็นระบบรถไฟฟ้าขนาดเล็ก ระยะทางราว 1.80 กม. ซึ่งแบ่งดำเนินการในระยะที่ 1 มีจำนวน 3 สถานี คือ สถานีกรุงธนบุรี สถานีเจริญนคร และสถานีคลองสาน เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในพื้นที่ฝั่งธนบุรีที่มีการพัฒนาเป็นย่านเศรษฐกิจใหม่ที่มีศักยภาพ ขณะนี้ระบบโยธาแล้วเสร็จร้อยละ 96 และคาดว่าเปิดบริการในเดือนตุลาคม
ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า นอกเหนือจากรถไฟฟ้าแล้วก็ได้ร่วมมือกับพันธมิตรพัฒนาจากโครงสร้างพื้นฐาน ขยายไปในส่วนที่เป็นระบบคมนาคม ขนส่งอื่นๆ ได้แก่ 1.โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก โดย บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมกันของ 3 บริษัท (กลุ่มกิจการร่วมค้า BBS) บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกันลงทุนประมาณกว่า 290,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะใช้เวลา 4 ปีครึ่งจะแล้วเสร็จ เพื่อเป็นสนามบินแห่งที่ 3 ของ กทม. และเพื่อเพิ่มศักยภาพการบินของประเทศไทย
นอกจาก นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า บีทีเอสยังได้ร่วมกับพันธมิตรอีกกลุ่ม ในการประมูลมอเตอร์เวย์ 2 สาย ของกรมทางหลวง ดังนี้ ได้แก่ 1.โครงการมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา(M6) คาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 3 ปี ดำเนินการโดยกิจการร่วมค้า BGSR ประกอบด้วย บมจ.บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์, บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์, บมจ.ซิโน-ไทยเอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และ บมจ.ราชกรุ๊ป มูลค่าโครงการกว่า 21,329 ล้านบาท และ 2.โครงการมอเตอร์เวย์ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี(M81) มูลค่าโครงการกว่า 17,809 ล้านบาท ระยะทาง 96 กม. ดำเนินการโดยกิจการร่วมค้า BGSR ประกอบด้วย บมจ.บีทีเอสกรุ๊ป โฮลดิ้งส์, บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์, บมจ.ซิโน-ไทยเอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และ บมจ.ราชกรุ๊ป เช่นกัน
“โครงการในอนาคต รฟม.ประกาศให้เอกชนร่วมลงทุนในสายสีส้ม มูลค่ากว่า 140,000 ล้านบาท ระยะทาง 35.9 กม. ใน 28 สถานี และจะเริ่มประมูลใน 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งหวังว่าจะชนะการประมูล ทั้งนี้มีหลายโครงการที่ภาครัฐอยากให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วม เราคือ 1 ในเอกชน เรามีความพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ในการเข้ามาพัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ให้มีความยั่งยืน โดยใช้ความสามารถของเอกชน” นายสุรพงษ์ กล่าว