โควิด: หมอฮีโร่ยุคซาร์ส ชี้ไม่มีวัคซีน จีนอยู่ไม่เป็นสุข เสี่ยงระบาดรอบใหม่
โควิด: หมอฮีโร่ยุคซาร์ส ชี้ไม่มีวัคซีน จีนอยู่ไม่เป็นสุข เสี่ยงระบาดรอบใหม่
โควิด: หมอฮีโร่ยุคซาร์ส - วันที่ 17 พ.ค. ดร.จง หนานซาน ที่ปรึกษาสูงสุดด้านการแพทย์ของรัฐบาลจีน ผู้ได้ชื่อว่าเป็น ฮีโร่ยุคโรคซาร์สระบาด เมื่อปี 2546 ให้สัมภาษณ์ ซีเอ็นเอ็น สื่อใหญ่ของสหรัฐอเมริกา เตือนว่า การขาดภูมิคุ้มกันโรค ทำให้จีนเสี่ยงต่อการระบาดของโรคโควิด-19 อีกระลอกจึงเป็นความท้าทายใหญ่
"การขาดภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ดังกล่าวเป็นปัญหารุนแรง จีนต้องเร่งพัฒนาวัคซีนต่อไป โดยที่วัคซีน 3 ชนิดในจีนอยู่ระหว่างลองผิดลองถูก ส่วนวัคซีนที่สมบูรณ์แบบมีแนวโน้มจะใช้เวลาหลายปี"
สำหรับตัวเลข ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของจีนมีกว่า 82,000 คน เสียชีวิตอย่างน้อย 4,633 คน การใช้ชีวิตของประชาชนในจีนค่อยๆ กลับสู่ภาวะปกติ ผ่อนคลายล็อกดาวน์ โรงเรียนและโรงงานบางแห่งหวนเปิดทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม ที่มณฑลจี๋หลิน ต้องกักตัวประชาชนอย่างน้อย 8,000 คนไว้ดูอาการ
https://www.youtube.com/watch?v=-oeE27svy60
ดร.จงกล่าวว่า เจ้าหน้าที่จีนไม่ควรชะล่าใจ ด้วยอันตรายจากการติดเชื้อระลอกที่สองค่อยๆ ปรากฏขึ้นอย่างกว้างขวาง จากกรณีคลัสเตอร์ หรือกลุ่มใหม่ของผู้ติดเชื้อโควิดปรากฏทั่วประเทศจีนในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่เพียงที่จี๋หลิน ยังรวมถึงนครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ศูนย์กลางการระบาดแห่งแรกในจีนรวมถึงมณฑลเฮยหลงเจียง
"ชาวจีนส่วนใหญ่ในช่วงนี้ยังคงอ่อนไหวง่ายต่อการติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากขาดภูมิคุ้มกันโรค ผมคิดว่า เวลานี้เรากำลังเผชิญกับความท้าทายใหญ่ ซึ่งมันไม่ได้ดีไปกว่าต่างประเทศ" ดร.จงกล่าว
หมอจงได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำสู้กับโควิดในจีน โดยเฉพาะในการระบาดตั้งแต่ขั้นแรกๆ ตั้งแต่เมื่อ 20 ม.ค. หมอยืนยันผ่านทางสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี ว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ติดต่อผ่านคนสู่คนได้ ทั้งที่ตอนนั้นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่นของอู่ฮั่นยังไม่ยืนยันการติดต่อคนสู่คนได้
ในฐานะหัวหน้าทีมผู้เชี่ยวชาญที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมาธิการด้านสุขภาพแห่งชาติของจีน หมอจงลงพื้นที่อู่ฮั่นเมื่อ 18 ม.ค. ระบุว่า ในขณะนั้นได้รับโทรศัพท์หลายสายจากทั้งหมอ และลูกศิษย์หลายคน เตือนตนว่า สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่ทางการท้องถิ่นรายงานมาก
"เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ในช่วงนั้น พวกเขาไม่ต้องการพูดความจริง" นายจงกล่าว และว่า ช่วงเริ่มแรก เจ้าหน้าที่เก็บเงียบ แต่ตนพูดขึ้นว่า อาจมีคนที่ติดเชื้อจำนวนมากกว่าที่รายงาน เพราะสงสัยขึ้นมา จากการสังเกตตัวเลขที่ทางการท้องถิ่นรายงานสถานการณ์ที่อู่ฮั่น ตอนนั้นมีผู้ป่วยอยู่ 41 คนเท่าเดิมนานเป็น 10 วัน ทั้งๆ ที่ปรากฏการติดเชื้อในต่างประเทศขึ้นมาแล้วด้วย
"ผมไม่เชื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อ ดังนั้นผมจึงคอยถามอยู่เสมอ ว่า คุณต้องบอกตัวเลขผู้ป่วยจริงแก่ผมมา ผมคิดว่าเขา ลังเลอย่างมากที่จะตอบคำถามของผม" นายจงกล่าว
สองวันต่อมา อู่ฮั่นรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อขณะนี้ 198 คน เสียชีวิต 3 ราย เจ้าหน้าที่แพทย์ติดเชื้อ 13 คน ต่อมาได้จัดประชุมเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางปักกิ่ง รวมถึงนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนร่วมด้วย นายจงได้เสนอให้ล็อกดาวน์อู่ฮั่นเพื่อสกัดการแพร่ของไวรัส
ต่อมาอู่ฮั่นถูกล็อกดาวน์วันที่ 23 ม.ค. เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จนเมื่อ 27 ม.ค. นายโจว เซียนหวัง นายกเทศมนตรีนครอู่อั่นยอมรับว่ารัฐบาลท้องถิ่นของตนปิดข่าวไวรัสระบาดแก่ประชาชนตามที่ทำตามๆกันมา และว่ารัฐบาลท้องถิ่นเปิดเผยข้อมูลได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาต
อย่างไรก็ตาม ต่อข้อครหาว่า สถิติของทางการจีนยังคงไม่น่าเชื่อถืออยู่ดีแม้รัฐบาลกลางปักกิ่งลงมาควบคุมดูแลด้วยตนเองช่วงปลายม.ค. รวมถึงการตั้งคำถามคลางแคลงใจจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ หมอจงปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น
"รัฐบาลจีนได้บทเรียนจากช่วงที่ซาร์สระบาดแล้ว ซึ่งตอนนั้นจีนปกปิดการระบาดอยู่ 2 หรือ 3 เดือน แต่ครั้งนี้รัฐบาลจีนประกาศว่าทุกเมือง ทุกกรมควรรายต้องรายงานตัวเลขจริง หากไม่ทำตาม จะถูกลงโทษ ดังนั้นผมคิดว่าตั้งแต่ 23 ม.ค.เป็นต้นไปทุกข้อมูลนั้นจะถูกต้อง" หมอจงกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญคนดังของจีนยังปฏิเสธทฤษฎีที่นายทรัมป์และนายไมก์ พอมเพโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐพยายามโจมตีว่า ไวรัสเกิดในห้องแล็บอู่ฮั่น
"ตอนนั้นผมถามย้ำคุณสือ เจิ้งลี่ นักระบาดวิทยาที่สถาบันระบาดวิทยาของอู่ฮั่น เธอเป็นเพื่อนที่ดีของผม เธอบอกว่าข้อกล่าวหาว่าข้อสงสัยว่าเชื้อไวรัสเกิดขึ้นในห้องทดลองโดยอุบัติเหตุมันเหลวไหล มันไม่มีอะไรอย่างนั้น และด้วยอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก และพนักงานที่นั่น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการสร้างไวรัสขึ้นได้ในเวลานี้เลย" หมอจง กล่าวและว่า
เมื่อต้นเดือนก.พ. มีเจ้าหน้าที่จากกองควบคุมโรคจากส่วนกลางของจีนไปตรวจสอบห้องทดลองของอู่ฮั่นอยู่นานสองสัปดาห์แล้วก็ไม่พบสิ่งปกติใดๆ เลย
++++++++
อ่านข่าวก่อนหน้านี้ :
โควิด: ข้อมูลรั่วไหลจากมหาวิทยาลัยจีน เผยติดเชื้อทะลุ 6.4 แสนคน