รีเซต

ผลการวิจัยใหม่ ทาน “เนื้อแดง” ไม่ดี ทำลายลำไส้ และกระตุ้นทำให้เกิดโรคลำไส้อักเสบ

ผลการวิจัยใหม่ ทาน “เนื้อแดง” ไม่ดี  ทำลายลำไส้ และกระตุ้นทำให้เกิดโรคลำไส้อักเสบ
TNN ช่อง16
1 กันยายน 2568 ( 15:04 )
11

งานวิจัยใหม่เผย ทาน “เนื้อแดง” อาจทำลายลำไส้ และกระตุ้นทำให้เกิดโรคลำไส้อักเสบ (IBD - inflammatory bowel disease) เพราะเนื้อแดงไปเปลี่ยนแปลงแบคทีเรียในลำไส้ และการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในลักษณะที่ทำให้เกิดการอักเสบที่รุนแรงขึ้น

ทาน “เนื้อแดง” อันตรายจริงไหม ?

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยการแพทย์แคปิตอลของประเทศจีน (China's Capital Medical University) ได้ทำการศึกษาผลกระทบของเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ว่ามีผลต่อจุลินทรีย์ในลำไส้อย่างไรบ้าง โดยเฉพาะเรื่องการเกิดและการทำให้โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD) กำเริบขึ้นมาหนักขึ้น

ในการศึกษาโดยใช้สัตว์ทดลอง ให้หนูได้รับเนื้อแดงสามชนิด ได้แก่ เนื้อหมู เนื้อวัว และเนื้อแกะ เปรียบเทียบกับหนูที่กินเนื้อประเภทอื่น ๆ ทุกวันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ และอีกกลุ่มเป็นหนูที่กินอาหารปกติ จากนั้นนักวิจัยได้กระตุ้นให้หนูเกิดอาการลำไส้ใหญ่บวม โดยใช้สารเคมี เดกซ์แทรนซัลเฟตโซเดียม (DSS) พบว่าหนูที่ได้รับเนื้อแดง จะมีอาการอักเสบในลำไส้ใหญ่ที่รุนแรงกว่า

ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการอักเสบที่ลำไส้นี้ เกิดขึ้นมาจากการเปลี่ยนแปลงสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ เนื่องจากอาหารประเภท “เนื้อแดง” ทำให้เกิดภาวะ Dysbiosis หรือภาวะที่สมดุลของจุลินทรีย์ในร่างกายเสียไป แบคทีเรียชนิดดีลดลง แบคทีเรียชนิดที่เป็นอันตรายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

แบคทีเรีย 4 สายพันธุ์ “ดี” เหล่านี้มีจำนวนลดลง

  • Akkermansia - ช่วยรักษาชั้นเมือกป้องกันลำไส้และบรรเทาอาการอักเสบ

  • Faecalibacterium - ผลิต Butyrate เชื้อเพลิงสำคัญสำหรับเซลล์ลำไส้ใหญ่และสารต้านการอักเสบ

  • Streptococcus และ Lactococcus - มีความสำคัญต่อสุขภาพของระบบย่อยอาหารและระบบภูมิคุ้มกันที่ดี

แบคทีเรีย 2 สายพันธุ์ “อันตราย” มีจำนวนเพิ่มขึ้น

  • Clostridium - สามารถปล่อยสารพิษและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้

  • Mucispirillum - อาศัยอยู่ในชั้นเมือกที่เคลือบเยื่อบุลำไส้ โดยเฉพาะในลำไส้ใหญ่ มักพบมากในสภาพแวดล้อมลำไส้ที่ไม่แข็งแรงหรือมีการอักเสบ

การเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์เหล่านี้สามารถรบกวนผนังลำไส้ เพิ่มการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน และกระตุ้นการอักเสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีแนวโน้มเป็นโรคลำไส้อักเสบอยู่แล้ว

การกินเนื้อแดง “ไม่ได้” ส่งผลต่อแบคทีเรียเพียงอย่างเดียว

จากการวิจัย หลังจากหนูกินเนื้อแดงเป็นเวลานาน 2 สัปดาห์ พบว่า

  1. หนูมีเซลล์ภูมิคุ้มกันในลำไส้ใหญ่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิวโทรฟิลและแมคโครฟาจ โดยตามปกติ ลำไส้ใหญ่จะมีระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด ดังนั้นการเพิ่มขึ้นของเซลล์ภูมิคุ้มกันนี้ จึงบ่งชี้ว่าเซลล์ภูมิคุ้มกันได้หลั่งไหลเข้ามาเพื่อต่อสู้กับอาการการบาดเจ็บ หรือการระคายเคือง และการมีเซลล์ภูมิคุ้มกันมากเกินไป จะทำให้เกิดความเสียหายทางชีวภาพอย่างต่อ ซึ่งส่งผลให้เยื่อบุลำไส้อักเสบและเสียหายมากขึ้น

  2. ตัวอย่างเนื้อเยื่อที่เก็บจากหนู ยังพบระดับไซโตไคน์ (cytokine) ที่กระตุ้นการอักเสบในเยื่อบุลำไส้ใหญ่ที่สูงขึ้น แม้ว่าโมเลกุลส่งสัญญาณเหล่านี้จะมีความสำคัญต่อการต่อสู้กับการติดเชื้อ แต่การมีสัญญาณกระตุ้นมากเกินไป หมายความว่าระบบภูมิคุ้มกันอยู่ในโหมดโจมตีเรื้อรัง ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อเนื้อเยื่อโดยรอบเมื่อเวลาผ่านไป

  3. ตัวอย่างเนื้อเยื่อยังแสดงสัญญาณของความเสียหายที่ลำไส้ใหญ่ ซึ่งแพร่หลายมากขึ้นและมีความไวต่อ DSS ซึ่งเป็นแบบจำลองเพิ่มความไวต่อการอักเสบของลำไส้ใหญ่ มีสัญญาณที่แสดงถึงความเสียหายของเนื้อเยื่อที่เพิ่มขึ้น ทั้งอาการบวม อาการปวด และเยื่อบุลำไส้มีการสลายตัวง่ายกว่าเดิม
    หมายความว่า ลำไส้มีอาการเปราะบางและพร้อมสำหรับการโจมตีในเวลาเดียวกัน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อความเสียหายและการอักเสบในบริเวณดังกล่าว

ข้อมูลยังไม่จริงแท้ เพราะยังไม่เคยทดสอบกับ “คน”

ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าเนื้อแดง ซึ่งเป็นตัวแปรเดียวที่หนูได้รับ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพโดยตรงและวัดผลได้ โดยผลกระทบดังกล่าวยังถูกจำลองในเนื้อสัตว์ 3 ชนิดที่แตกต่างกัน

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยมองว่าการศึกษานี้ยังมีข้อจำกัด เพราะนอกจากจะเป็นอาการที่เกิดขึ้นในหนูแล้ว ยังเป็นการศึกษาที่มีความเสี่ยงสูง และใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น และจุลินทรีย์ในลำไส้และการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของหนู ไม่ได้แปลผลโดยตรงกับค่าที่เทียบเท่ากับมนุษย์ และนักวิจัยก็ไม่ได้ระบุ ว่าปริมาณเนื้อแดงเท่าใด ที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ ที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้นทั้งหมด

ผลการศึกษานี้ตีพิมพ์ในวารสาร Molecular Nutrition & Food Research : Molecular Nutrition & Food Research

ข่าวที่เกี่ยวข้อง