หวั่นโดนยึด? "อินเดีย"ย้ายทองคำกลับประเทศ คน"รัสเซีย"แห่ตุนทอง "เกาหลีใต้"จ่อซื้อทองคำสำรองรอบ 12 ปี

หวั่นโดนยึด? "อินเดีย" ย้ายทองคำกลับประเทศ
อินเดีย เร่งย้ายทองคำสำรองกลับประเทศพุ่งสูงสุดในปีนี้ ด้านนักเคราะห์มองว่าอินเดียอาจจะกลัวว่าจะโดนยึดทองคำหรือไม่ หลังจากเห็นชาติตะวันตกยึดทุนสำรองของรัสเซีย
สำนักข่าวบลูกเบิร์กรายงานว่า ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ปัจจุบันถือครองทองคำกว่า 65% ของทุนสำรองทองคำทั้งหมดภายในประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา สะท้อนการเร่งนำทองคำกลับประเทศ (repatriation) หลังชาติตะวันตกอายัดทุนสำรองของรัสเซียภายหลังการรุกรานยูเครน
ในรายงานครึ่งปีของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่เผยแพร่เมื่อวันวันที่ 28 ตุลาคม 2568 ธนาคารกลางอินเดีย ระบุว่าได้ นำทองคำกลับประเทศเกือบ 64 ตัน ในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2568 (เมษายน–กันยายน) โดยมูลค่าทองคำคิดเป็น 13.92% ของทุนสำรองทั้งหมด ณ สิ้นเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นจาก 11.70% ณ สิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2568 ธนาคารกลางอินเดีย ถือครองทองคำรวมทั้งหมด 880 ตัน ซึ่งในจำนวนนี้ มากถึง 576 ตันถูกเก็บรักษาไว้ภายในประเทศ ถือว่าเป็นการเก็บไว้ในประเทศที่มากที่สุดแบบไม่เคยมีมาก่อน หรือแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ย้อนไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว อินเดียสัดส่วนทองคำที่เก็บในประเทศเพียง 38% ในช่วงเวลาเดียว ซึ่งนอกจากเก็บตุนไว้ในประเทศแล้ว ธนาคารกลางอินเดียยังคงเก็บทองคำบางส่วนไว้ในต่างประเทศ โดยฝากไว้กับธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS)
อย่างไรก็ตามธนาคารกลางอินเดียไม่ได้ออกมาชี้แจงเหตุผลโดยตรงของการเปลี่ยนระดับและพื้นที่ในการเก็บทองครั้งนี้ แต่ในมุมมองจากนักวิเคราะห์เชื่อว่าเป็นความพยายามของอินเดียในการเพิ่มการควบคุมสินทรัพย์ทองคำของตนเอง หลังจากกลุ่มประเทศ G7 รวมถึงสหรัฐและสหภาพยุโรป ยึดทุนสำรองของรัสเซียในปี 2565 ภายหลังสงครามยูเครน โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา อินเดียได้ นำทองคำกลับประเทศแล้วเกือบ 280 ตัน
ขณะที่นางนีร์มาลา สิธารามัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอินเดีย กล่าวเมื่อเดือนกันยายนว่าธนาคารกลางอินเดีย กำลังดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อกระจายความเสี่ยงของทุนสำรองระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ธนาคารกลางอินเดีย ยังเป็นหนึ่งในผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก เพื่อลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐและสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง โดยได้ทยอยลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Treasuries) ซึ่งเริ่มตั้งแต่ก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะประกาศขึ้นภาษี 50% ต่ออินเดียจากการนำเข้าน้ำมันรัสเซีย
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2568 อินเดียมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศรวมมูลค่า 7.023 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ มากเป็นอันดับ 4 ของโลก เพียงพอครอบคลุมการนำเข้ากว่า 11 เดือน
"รัสเซีย" แห่ซื้อทองคำในประเทศพุ่งสูงสุดรอบ 4 ปี ท่ามกลางกระแสคว่ำบาตรจากนานาชาติ
ปีนี้ทองคำร้อนแรงเป็นอย่างมาก ในฐานะของสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ตั้งแต่สงครามไปถึงความตึงเครียดทางการค้า และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่บ้านเรา คนไทยที่แห่ไปซื้อทองคำ คนรัสเซีย ที่อยู่ท่ามกลางความกังวลเรื่องการถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติ ก็แห่ซื้อทองคำมากขึ้น พุ่งไปถึง 62 ตัน มากเทียบเท่ากับปริมาณสำรองทองของประเทศสเปน และออสเตรีย
ชาวรัสเซีย หันมาซื้อทองคำสูงสุดในรอบ 4 ปี รวมถึง 62.2 ตันในปี 2568 ขณะที่สะสมรวมแล้วมากกว่า 282 ตัน ตั้งแต่การเริ่มสงครามยูเครน ข่าวรายงานว่าประชาชนผู้บริโภคชาวรัสเซียมียอดซื้อทองคำในปีนี้สูงจนเกือบเท่ากับปริมาณทองคำสำรองของประเทศสเปนหรือออสเตรีย โดยทองคำได้กลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ปลอดภัย ยอดนิยมของชาวรัสเซียในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
รายงานจากบริษัท Al Banyan Tree Research สตาร์ทอัปด้านการวิจัยเชิงปริมาณในฮ่องกง ระบุว่าการซื้อทองคำของชาวรัสเซียในรูปแบบแท่ง เหรียญ และเครื่องประดับจะสูงถึง 62.2 ตัน หรือเกือบ 2 ล้านทรอยออนซ์ในปี 2568 และคาดว่าตั้งแต่รัสเซียเริ่มปฏิบัติการทางทหารในยูเครนเมื่อปี 2565 จนถึงปัจจุบัน การซื้อทองคำสะสมของภาคครัวเรือนจะรวมมากกว่า 282 ตัน
แม้การซื้อขายชะลอตัวลงจากปีก่อน เนื่องจากราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดกว่า 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่กระแสดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าชาวรัสเซียซึ่งต้องถูกตัดขาดจากช่องทางออมเงินแบบเดิม เช่น เงินยูโรและดอลลาร์ กำลังหาทางใหม่ในการรักษาความมั่งคั่ง โดยทองคำได้กลายเป็นที่พักเงินหลักแทนนั่นเอง
ความเห็นจากนักวิเคราะห์ ดมิตรี คาซาคอฟ จาก BCS Global Markets กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ประชาชนชาวรัสเซียมักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และเงินตราต่างประเทศ แต่หลังการคว่ำบาตรทำให้การถือเงินตราไม่สะดวกอีกต่อไป ความต้องการทองคำจึงเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2565
ขณะเดียวกันธนาคารรัสเซียเองก็ได้ประกาศยุติการรับฝากเงินสกุลยูโรและดอลลาร์ และการโอนเงินข้ามพรมแดนในสกุลเหล่านั้นทำได้ยากขึ้น ทำให้บางส่วนอาจย้ายทองคำไปเก็บต่างประเทศแทน ซึ่งไม่สามารถประเมินปริมาณได้แน่ชัด
ทั้งนี้ รัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก มีการขุดทองมากกว่า 300 ตันต่อปี แต่ทองคำของรัสเซียถูกแบนจากตลาดตะวันตกตั้งแต่ปี 2565 และ London Bullion Market Association (LBMA) ก็ไม่รับรองมาตรฐานทองคำรัสเซียอีกต่อไป
ดังนั้นรัฐบาลรัสเซียจึงยกเลิกภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับการซื้อทองคำภาคครัวเรือน เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศและช่วยผู้ผลิตที่ถูกคว่ำบาตร หลังธนาคารกลางรัสเซียซึ่งเคยเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก หยุดซื้อทองคำตั้งแต่ปี 2563 และแม้จะเปิดทางให้ซื้ออีกครั้งในปี 2565 แต่ปริมาณสำรองยังทรงตัวราว 75 ล้านทรอยออนซ์
โดยรายงานยังระบุว่า ความต้องการทองคำในประเทศสะท้อนถึงพฤติกรรมการออมและรูปแบบการค้าของชาวรัสเซียที่อาจจะไม่กลับไปเหมือนเดิมอีกแล้ว ต่อให้การคว่ำบาตรจะผ่อนคลายลงไปหรือยกเลิกไปก็ตาม เพราะความไม่ไว้วางใจต่อดอลลาร์และยูโรจะยังคงอยู่สำหรับชาวรัสเซีย
"ธนาคารกลางเกาหลีใต้" จ่อซื้อทองคำสำรอง ครั้งแรกรอบ 12 ปี
นอกจากในภาคประชาชน ในนักลงทุนแล้ว ธนาคารกลางคือกำลังซื้อสำคัญของทองคำในปีนี้ รวมไปถึง “ธนาคารกลางเกาหลีใต้” จ่อพิจารณาซื้อ “ทองคำสำรอง” ครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) กำลังพิจารณาแผนการที่จะเพิ่มปริมาณ “ทองคำสำรอง” เป็นครั้งแรกในรอบ 10 กว่าปี กลายเป็นหนึ่งในธนาคารกลางทั่วโลกที่เข้าซื้อทองคำในช่วงเวลานี้ ซึ่งการที่แบงก์ชาติต่างๆทั่วโลกซื้อทองก็เป็นปัจจัยผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในช่วงที่ผ่านมา
จุง ฮึงซุน (Heung-Soon Jung) ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนสำรองของ BOK เปิดเผยว่า ธนาคารมีแผนจะพิจารณาการซื้อทองคำเพิ่มเติมจากมุมมองระยะกลางถึงระยะยาว โดยธนาคารกลางเกาหลีใต้จะติดตามภาวะตลาดอย่างใกล้ชิดเพื่อกำหนดจังหวะและปริมาณการซื้อทองคำ โดยพิจารณาจากสถานะทุนสำรองระหว่างประเทศของประเทศ รวมถึงแนวโน้มราคาทองคำและค่าเงินวอนของเกาหลีใต้
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ย้อนกลับไปอดีต ธนาคารกลางเกาหลีใต้ เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักภายในประเทศของตนเอง เนื่องจากการเข้าไปซื้อทองคำในช่วงปี 2554–2556 ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ทำให้ธนาคารหยุดซื้อมานับตั้งแต่นั้นเป็นมา โดยการซื้อครั้งล่าสุดคือปี 2556 หรือเมื่อ 12 ปีที่แล้ว
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
