“บราซิล” เจ้าภาพ COP30 เร่งชาติสมาชิกอีก 166 ประเทศ ยื่นแผนลดก๊าซเรือนกระจกด่วน!

รัฐบาลบราซิลในฐานะเจ้าภาพการประชุม COP30 ที่จะจัดขึ้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ณ เมืองเบเลง (Belém) ได้ออกมาเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ เร่งจัดทำและยกระดับแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือที่เรียกว่า NDCs (Nationally Determined Contributions) หลังจากที่มีเพียง 29 ประเทศจาก 195 ประเทศ ที่ยื่นแผนฉบับปรับปรุงนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

แผน NDCs ถือเป็นหัวใจสำคัญของความพยายามร่วมกันทั่วโลกในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้ความตกลงปารีส ซึ่งแต่ละประเทศต้องปรับปรุงทุก ๆ 5 ปี โดยเส้นตายการยื่นแผนรอบล่าสุดกำหนดไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แต่เนื่องจากมีเพียง 13 ประเทศที่ส่งทันเวลา จึงมีการขยายเวลาออกไปจนถึงวันที่ 25 กันยายน 2568 ซึ่งตรงกับการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก

หลังจากนั้น องค์การสหประชาชาติด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) จะรวบรวมแผนทั้งหมดเข้าสู่รายงานสังเคราะห์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลล่าสุดให้ที่ประชุม COP30 ในบราซิลพิจารณา

ด้านนายอังเดร กอร์เรอา ดู ลาโก (André Corrêa do Lago) ประธานการประชุม COP30 กล่าวในจดหมายถึงประเทศสมาชิกเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ว่า “แผน NDCs ไม่ได้เป็นเพียงเป้าหมายด้านภูมิอากาศปี 2578 เท่านั้น แต่ยังสะท้อนวิสัยทัศน์ร่วมของอนาคตที่เราต้องการ หากสิ่งที่นำเสนอออกมายังไม่น่าพอใจ ก็เป็นความรับผิดชอบร่วมกันที่จะทำให้มันเป็นภาพของโลกที่น่าอยู่ ปกป้องเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนทุกคน ในทุกยุคทุกสมัย”

ข้อมูลจาก Climate Action Tracker ระบุว่า แผนที่ยื่นเข้ามาจนถึงตอนนี้ครอบคลุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกเพียง 22% เท่านั้น โดยมีเพียงสหราชอาณาจักรที่ถูกประเมินว่ามีแผนสอดคล้องกับเป้าหมายจำกัดการเพิ่มอุณหภูมิโลกไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ตามที่ตกลงกันไว้ในข้อตกลงปารีส หากอุณหภูมิโลกสูงเกิน 1.5 องศา นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าอาจเกิด “จุดเปลี่ยน” (tipping points) ที่ทำให้ระบบนิเวศและระบบโลกหลายอย่างเสียหายถาวร เช่น ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น คลื่นความร้อนรุนแรงขึ้น พายุแรงขึ้น และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ

รายงานการประเมินล่าสุดของสหประชาชาติเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ชี้ว่า แผนที่ประเทศต่าง ๆ ยื่นเข้ามาในปัจจุบัน จะทำให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 2.6–3.1 องศาเซลเซียส ภายในสิ้นศตวรรษนี้