รีเซต

เปิดใจ! หญิงขับรถตกคลอง ติดในรถนานกว่า 7 ชั่วโมง แช่น้ำโผล่แค่จมูกปลิงเกาะเต็มตัว สุดท้ายรอด

เปิดใจ! หญิงขับรถตกคลอง ติดในรถนานกว่า 7 ชั่วโมง แช่น้ำโผล่แค่จมูกปลิงเกาะเต็มตัว สุดท้ายรอด
มติชน
28 มกราคม 2564 ( 15:24 )
156

เปิดใจหญิงวัย 28 ปี หลังประสบเหตุหักหลบตัวเงินตัวทองก่อนรถไถลตกข้างทางพลิกคว่ำจมน้ำในคลอง สู้กับนาทีชีวิตมัจจุราชนานกว่า 7 ชั่วโมง โดยมีช่องอากาศ3เซนติเมตร พอให้จมูกโผล่พ้นน้ำ ขณะที่ร่างกายและใบหน้าจมอยู่น้ำตลอดทั้งคืน พร้อมภาวนาสิ่งศักสิทธิ์คือพ่อและแม่ ขออโหสิกรรม หากมีบุญเหลือขอได้ออกไปเจอหน้าพ่อ แม่ และลูก ขณะตอนนี้ตนผวากลัวความมืดหากหลับตาก็จะเห็นภาพตอนประสบเหตุก็จะร้องไห้ให้แม่มาอยู่ด้วยตลอด

 

ที่บ้านเลขที่ 19 /2 หมู่ 10 ตำบลบางอ้อ อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก เป็นบ้านไม้สองชั้นของน.ส.ชัชฎาภรณ์ สัมฤทธิ์ อายุ 28 ปี ผู้ประสบเหตุรถพลิกคว่ำตกลงไปในคลองจมน้ำอยู่นานกว่า 7ชั่วโมง และโกงความสาตายรอดชีวิตออกมาได้โดยมีคนส่งน้ำแข็งเอะใจและตัดสินใจลงไปช่วยชีวิตไว้ได้ก่อนที่จะจบชีวิตเนื่องจากำลังจะหมดแรงในตอนนั้น จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ขออนุญาตินางวิวรรณ สัมฤทธิ์ อายุ 45 ปี แม่ของนางสาว ชัชฎาภรณ์ เพื่อขอเข้าไปพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

 

 

เมื่อขึ้นไปยังที่ห้องพักของน.ส.ชัชฎาภรณ์ สัมฤทธิ์ พบว่ายังอยู่ในอาการบาดเจ็บยังไม่สามารถขยับตัวได้มาก จากนั้นจึงได้สอบถามเรื่องราวทีเกิดขึ้น ว่าเป็นมาอย่างไร ซึ่งน.ส.ชัชฎาภรณ์ สัมฤทธิ์ ได้บอกว่า ตนกลับมาจากบ้านพี่สาวตอนนั้นเวลาประมาณ 24.00 น. ซึ่งตนใช้ถนนเส้นนี้เดินทางในช่วงเวลาเกิดเหตุอยู่ทุกวัน ในวันเกิดเหตุขณะที่ตนขับขี่หลุดมาจากโค้งในเลนซ้ายตนเห็นตัวเงินตัวทองขนาดใหญ่เดินขึ้นมายังเลนซ้ายตนจึงได้หักรถหลบมายังเลนขวา ทำให้ล้อรถตกหลุมใหญ่จากนั้นได้พยายามหักพวงมาลัยก่อนที่จะเสียหลักตกลงไปในคลองข้างทาง

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดตนจำได้ทุกอย่างเพราะตนเองไม่ได้หลับเลย ซึ่งหลังจากที่รถเสียหลักรถได้ค่อยๆไหลลงคลองตอนนั้นตนรู้สึกว่าได้เหยียบคันเร่งด้วยในตอนนั้น ตอนลงไปทางเป็น2ระดับคือดินและคลอง โดยเมื่อลงไปสุดดินรถได้พลิกหงายแล้วลงไปในน้ำ ตอนนั้นรู้ตัวแล้วว่าน้ำเริ่มเข้ามาในรถ เพราะตอนนั้นตนได้พยายามเปิดประตูรถแต่เปิดได้ช่องเล็กๆประมาณ 30 เซน ตอนนั้นน้ำก็ได้ดันเข้ามาเยอะมากจนท่วมถึงบริเวณหน้าท้อง ตอนนั้นตนรู้และว่าจะต้องจมน้ำ ตอนนั้นรถก็ได้ไหลลงไปในน้ำเรื่อยๆ ตนจึงพยายามถีบตัวเองจากเบาะหน้าไปยังเบาะหลัง ตอนนั้นก็พยายามควานหาเพื่อเปิดรถแต่เปิดไม่ได้เพราะเซ็นทรัลล๊อค ส่วนโทรศัพท์ก็หลุดมือหายไปกับน้ำ

 

 

 

“ในวินาทีนั้นตนยังพอมีแรงอยู่ก็ได้พยายามทุบกระจก จับคว่ำอะไรได้ก็ทุบหมด แต่กระจกก็ไม่แตก และพยายามเอาหัวเบาะออกมางัดก็ไม่สำเร็จ ซึ่งตอนนั้นรถก็อยู่ในสภาพหงายท้อง ตอนนั้นระดับน้ำก็เริ่มท่วมจะมิดคอแล้ว ตนก็เริ่มมุดน้ำและใกล้จะหมดแรง ตอนนั้นพยายามกระเสือกสะสนเอามือคลำทั่วตัวรถ ด้วยรถตนเป็นรถ 5 ประตู เพื่อหาที่พักเพื่อที่จะหายใจ โชคดีที่เจาะช่องที่ใกล้รถมีช่องเล็กๆประมาณ 3-4 เซน ที่พอจมูกโผล่ออกมาได้

 

โดยตัวได้พาดอยู่กับเบาะ ตอนนั้นได้แต่ร้องไห้พูดกับตัวเองอยู่ตลอด ตายไม่ได้นะ ยังไงก็ตายไม่ได้ จนกระทั่งรู้ตัวว่าร่างกายไม่ไหว เนื่องจากตอนนั้นตนได้สู้กับตัวเองได้อยู่สักพักหนึ่งจึงบอกกับตัวเองว่า ยอมละ ตายก็ตายและได้สั่งลา พ่อแม่ ลูก และทุกคนที่ตนรัก จากนั้นก็ไปนอนรอความตาย และร้องไห้จนไม่มีน้ำตา และได้บอกกับตัวเองอีกครั้งว่า …. ถ้าหนูยังมีบุญวาสนาหลงเหลืออยี่ขอให้มีลมหายใจจนมีคนมาช่วย จากนั้นก็นอนตาหลับขณะที่ตาก็เปียกน้ำแต่หูนั้นได้ยินหมด ได้ยินเสียงรถผ่านตอนที่ตนประสบเหตุใหม่ๆตนก็ได้ยินแต่มีใครเห็น เพราะตอนนั้นพื้นที่ที่ตนจมลงไปมืดมาก และในรถตอนก็มองอะไรไม่เห็นและน้ำก็ดำ

 

 

จนกระทั้งเวลาผ่านไป มีคนเข้ามาช่วยตนก็ยังรู้เรื่องอยู่ในตอนนั้นยังไม่มีแสงสว่างเข้ามา จนกระทั้งมีแสงสว่างเข้ามาให้ตนได้เห็นแสงแรกตอนที่คนส่งน้ำแข็งมาเปิดประตูรถ ในตอนแรก ตนได้ยินเสียงว่า ตายมั้งหนะ คนตายอยู่ในรถตอนนั้นตนรู้สึกดีใจและรู้เลยว่ามีคนเข้ามาช่วยตนแล้ว ซึ่งตอนนั้นตนไม่รู้ว่าตอนนั้นเวลาเช้าแล้ว และพอคนส่งน้ำแข็งเปิดประตูรถได้สภาพใบหน้าตนที่จมอยู่ในน้ำเหลือแต่เพียงปลายจมูก ได้มีแสงลอดผ่านน้ำเข้ามากระทบที่ใบหน้าตน

ตอนนั้นตนได้รวบรวมแรงที่มีพุ่งตัวออกมาจากในรถ ซึ่งตอนนั้นตนรู้สึกเหมือนว่า ตายแล้วเกิดใหม่ ตอนนั้นตนได้ออกมานั่งด้วยความมึนงง เพราะคิดว่าตนอาจจะตายไปแล้วและวิญญาณออกจากร่าง และหันไปมองรถตัวเองแล้วพูดกับตัวเองว่าเราอยู่นั้นหรอและและนี่ใช้ตัวเราเองหรือเปล่า

 

 

ซึ่งหลังจากที่ตนออกมาจากในรถได้ก็พบว่าปลิงได้เกาะเต็มตัวเลือดได้ไหลอาบตั้งแต่คอลงไปซึ่งปลิงที่กัดตนนั้นได้กัดกินเลือดจนหลุดออกไปเอง ซึ่งตอนนั้นตนไม่รู้สึกอะไร

ทั้งนี้ตนเองอยากขอบคุณคนส่งน้ำแข็งและชาวบ้านที่มาช่วยคนมาก ว่าพวกเขาได้ให้ชีวิตใหม่ตนและถ้าไม่ได้คนส่งน้ำแข็งทั้งสองคนมาเห็นและตัดสินใจมาช่วย ป่านนี้ตนคงตายไปแล้ว ซึ่งหากทั้งสองไม่มาช่วยตนในเวลานั้น และเวลาผ่านไป 30 นาที หรือ 1 ชั่งโมงตนก็คงหมดแรงไปแล้วอีกทั้งอากาศก็เริ่มจะหมด

 

โดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ห้อยไว้ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ตอนที่ประสบเหตุคิดถึงและนึกถึงแต่หน้าพ่อกับแม่อยู่ในหัวตลอด พร้อมภาวนาขออโหสิพ่อแม่อยู่ตลอด และบอกว่าหากตนยังมีบุญหลงเหลืออยู่ขอให้ยังมีลมหายใจเพื่อได้ออกไปหน้าลูกหน้าพ่อหน้าแม่อีกรอบหนึ่ง

โดยอาการบาดเจ็บตอนนี้มีอาการปวดที่ซีกขวายังลงน้ำหนักไม่ได้ มีอาการฟกข้ำตามร่างกาย และบาดแผลจากปลิงที่มากัดตามร่างกาย ซึ่งตอนนี้ตนไม่ได้กลัวการขับรถ แต่รู้สึกเข็ดและกลัวมดและตอนนี้เวลาที่หลับตาภาพตอนประสบเหตุก็ขึ้นมาในหัวตลอดตนก็จะร้องไห้และร้องเรียกแม่ให้มาอยู่ด้วยตลอด

 

 

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับนางวิวรรณ สัมฤทธิ์ อายุ 45 ปี แม่ของนางสาว ชัชฎาภรณ์ ได้บอกว่า ตนเองมาทราบข่าวว่าลูกสาวประสบอุบัติติดอยู่ในรถที่จมน้ำเวลา 08.00 น. ตอนนั้นตนตกใจหลังมีคนมาจอดรถหน้าบ้านมาบอกตนว่าลูกสาวขับรถลงคลอง ตอนนั้นตนไมได้ออกไปดูคิดว่าลูกสาวไม่เป็นอะไรมาก เพราะรู้ว่าลูกสาวตนได้ถูกช่วยออกมาแล้ว จนกระทั้งมีคนมาบอกอีกว่าลูกสาวได้ประสบเหตุรถตกลงไปในน้ำตั้งแต่เที่ยงคืน ตนจึงรีบออกไปดูที่เกิดเหตุ ซึ่งล่าสุดที่ได้คุยกับลูกสาวคือเวลา 4 ทุ่มของคืนที่เกิดเหตุ จากนั้นตนได้เข้านอน

 

จากนั้นตื่นมาอีกครั้งตอน 03.00 น. ก็เห็นว่ารถของลูกสาวยังไม่กลับเข้ามาบ้าน แต่ก็ยังไม่ได้โทรหา จนกระทั้ง 07.30 น. จึงได้บอกหลานที่เป็นลูกของน.ส.ชัชฎาภรณ์ โทรหา น.ส.ชัชฎาภรณ์ให้ซื้อกับข้าวเข้ามาที่บ้าน ซึ่งหลานสาวบอกกับตนว่าโทรหาน.ส.ชัชฎาภรณ์ ( แม่) ไม่ติด และไม่รับสาย และได้บอกกับหลานว่าเดี๋ยวตอน 10.00 น. ค่อยโทรหาใหม่

 

แต่ยังไม่ทันไรตอน 08.00 น.ก็มีคนมาบอกว่า น.ส.ชัชฎาภรณ์ ประสบอุบัติเหตุรถตกคลอง ตนจึงรีพไปยังที่เกิดตอนนั้นไม่พบลูกสาวแล้วเจอแต่รถ และคิดว่าลูกสาวคงเสียชีวิต และหลังจากที่เอารถขึ้นจากน้ำได้แล้วตนก็ได้ไปยังโรงพยาบาล ซึ่งตอนนั้นลูกอยู่ระหว่างการรักษาตัวจากแพทย์ที่ห้องฉุกเฉิน จนกระทั้ง 10.00น.จึงได้พบหน้ากัน

 

ส่วนเรื่องที่ลูกสาวได้บอกว่าตอนประสบเหตุติดอยู่ในรถได้แต่คิดถึงหน้าพ่อหน้าแม่และได้รอดชีวิตมาได้ ซึ่งตนเองเชื่อเรื่องนี้ เนื่องจากพ่อแม่นั้นมีพระคุณที่สุดแล้ว ที่ผ่านมาจากประสบการณ์เวลาที่ตนเองป่วยหรือเป็นอะไรขึ้นมา ซึ่งตนเองเป็นโรคหอบ เคยใส่ท่อตอนนั้นตนจะคิดถึงแต่พ่อแม่เสมอและตนก็รอดชีวิตมาได้จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งการที่ลูกสาวรอดได้ก็มารจากการที่คิดถึงหน้าพ่อหน้าแม่แบบที่ติดเคยผ่านเหตุการณ์นาทีเป็นนาทีตายมาเช่นกัน

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ไปดูรถของน.ส.ชัชฎาภรณ์ สัมฤทธิ์ ที่เอามารจอดไว้ที่บ้าน โดยรถไม่ได้รับความเสียหายอะไรนอกจาน้ำได้เข้าไปในห้องโดยสารเพียงเท่านั้น และมีเพียงเศษหญ้าและดินติดตามตัวรถเท่านั้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง