รีเซต

KKP งบไตรมาส 3/68 กำไรสุทธิ 1,670 ลบ.โต 28%

KKP งบไตรมาส 3/68 กำไรสุทธิ 1,670 ลบ.โต 28%
ทันหุ้น
20 ตุลาคม 2568 ( 12:58 )
13

#ทันหุ้น #SET #KKP ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP สรุปผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 และงวดเก้าเดือนปี 2568

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/2568 มีกำไรสุทธิ 1,670 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 28.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ไตรมาส 3/2567) และมีกำไรเบ็ดเสร็จรวม 2,074 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 50.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเติบโตของกำไรสุทธิมาจาก การบริหารจัดการคุณภาพสินเชื่ออย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้คุณภาพสินเชื่อโดยรวมปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ผลขาดทุนจากการขายรถยึดยังคงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

รายได้จากการดำเนินงานรวมของธนาคารฯ ยังคงอยู่ในระดับที่ดี สะท้อนถึง การกระจายแหล่งรายได้ในหลายธุรกิจ โดยรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจาก การเติบโตของธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง การจัดการกองทุน การขายประกันภัยผ่านธนาคาร (Bancassurance) และ ธุรกิจ “Dime!” รวมถึงกำไรสุทธิจาก เครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) ซึ่งปรับตัวดีขึ้นตามภาวะตลาด ทั้งนี้ การเติบโตของรายได้ดังกล่าวช่วยชดเชย รายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลง จากการชะลอตัวของสินเชื่อ ภายใต้มาตรการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ที่มุ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อคุณภาพสูง การช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” และแนวโน้ม อัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลง

ด้านคุณภาพสินเชื่อ ธนาคารฯ ยังคงรักษามาตรฐานได้ดี โดยมี อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) อยู่ที่ ร้อยละ 4.3 ทรงตัวจากไตรมาสก่อน ขณะที่ผลขาดทุนจากการขายรถยึดลดลงต่อเนื่อง ธนาคารยังคงดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวังในการตั้งสำรอง โดยในไตรมาส 3/2568 ได้ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) จำนวน 909 ล้านบาท รวมถึงมี สำรองพิเศษ (Management Overlay) เพื่อรองรับความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน และเพื่อรองรับกลุ่มลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ส่งผลให้อัตราส่วน ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ ร้อยละ 136.6

สำหรับงวดเก้าเดือนแรกของปี 2568 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวม 4,141 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 15.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรเบ็ดเสร็จรวม 5,024 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 32.1 สาเหตุหลักมาจาก การลดลงของผลขาดทุนจากการขายรถยึดและผลขาดทุนด้านเครดิต รวมถึง การเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย จากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง การจัดการกองทุน การขายประกัน และธุรกิจ “Dime!” ตลอดจนกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมตามภาวะตลาด ทั้งนี้ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิยังคงลดลงตามการชะลอตัวของสินเชื่อภายใต้มาตรการบริหารความเสี่ยงของธนาคาร โครงการช่วยเหลือลูกหนี้ และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง