ราคาทองคำทำสถิติสูงสุดใหม่ นักลงทุนหนีความเสี่ยงการค้าสหรัฐ-จีน

ราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง ทะลุระดับ 4,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แตะจุดสูงสุดใหม่ในประวัติศาสตร์ที่ 4,179 ดอลลาร์ ก่อนย่อตัวลงราว 80 ดอลลาร์ ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่กลับมาระอุอีกครั้ง หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 100% เพื่อตอบโต้การที่จีนจำกัดการส่งออก “แร่ธาตุหายาก” ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และอาวุธยุทโธปกรณ์ แม้ต่อมา ทรัมป์จะออกมาทวีตว่า “อย่ากังวลเกี่ยวกับจีน” และยืนยันว่าไม่ต้องการทำร้ายเศรษฐกิจของจีน แต่ถ้อยคำที่กลับไปกลับมาในช่วงเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง กลับยิ่งเพิ่มระดับความไม่แน่นอนในตลาด ทำให้นักลงทุนเทน้ำหนักไปที่การถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
ขณะที่ รัฐมนตรีคลังสก็อตต์ เบสเซนท์ เผยผ่าน Fox Business ว่าการประชุมระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศยังคงมีขึ้นตามกำหนดในเดือนนี้ที่เกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกของการเจรจา ทว่าในเวลาไล่เลี่ยกัน กระทรวงพาณิชย์จีนกลับออกแถลงการณ์ตอบโต้ทันทีว่าจะ “ต่อสู้จนถึงที่สุด” ต่อมาตรการของสหรัฐฯ และยืนยันว่าการหารือระดับเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินอยู่ในสัปดาห์นี้ ความไม่สอดคล้องกันของสัญญาณทั้งสองฝ่าย — ทั้งการขู่ การผ่อนน้ำเสียง และการยืนยันจะสู้ต่อ — ทำให้ตลาดยังคงอยู่ในภาวะ “ไม่แน่นอนสูง” นักลงทุนจำนวนมากจึงเลือกถือทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง
อีกปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำคือค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงเล็กน้อย ส่งผลให้ทองคำถูกมองว่าน่าซื้อมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น ขณะเดียวกัน ราคาสินทรัพย์โลหะมีค่าชนิดอื่นก็ปรับตัวขึ้นแรงเช่นกัน โดย เงิน (Silver) พุ่งขึ้นกว่า 2% แตะ 53.47 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดใหม่ และ สัญญาแพลทินัมล่วงหน้า ก็ปรับขึ้นกว่า 1% สู่ระดับ 1,704 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักวิเคราะห์หลายสำนักมองว่า การดีดตัวของทองคำและโลหะมีค่าครั้งนี้เป็นผลจาก “แรงซื้อเพื่อป้องกันความเสี่ยง” มากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากตลาดยังรอดูท่าทีของการเจรจาทางการค้าระหว่างสองประเทศว่าจะคลี่คลายหรือยืดเยื้อออกไป
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
