“สิ่งทออินเดีย” ดิ้นสู้ภาษีสหรัฐฯ ลดคน-ย้ายฐาน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดียเป็นสองเท่าหรือปรับขึ้นร้อยละ 50 ทำให้อินเดียกลายเป็นหนึ่งในอัตราสูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าอื่น ๆ
สินค้าต้องเสียภาษีดังกล่าว ครอบคลุมสินค้าหลากหลายประเภทตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ ไปจนถึงกุ้งทะเล
มีรายงานว่า ผู้ส่งออกสิ่งทอของอินเดียกำลังเร่งหาแนวทางเพื่อรับมือผลกระทบภาษีสหรัฐฯ เรียกเก็บจากอินเดียถึงร้อยละ 50
ตัวเลขการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของอินเดีย ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดเดือนมี.ค. 2568 พบว่า สหรัฐฯ เป็นตลาดใหญ่ที่สุดมีมูลค่าการส่งออก 38,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนเกือบร้อยละ 29 ของยอดส่งออกรวม
การที่อินเดียถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีในอัตราสูง ทำให้บริษัทอินเดียต้องปรับตัวรับมือ เช่น การลดจำนวนพนักงานลง บางบริษัทอาจลดลงถึงร้อยละ 50 เช่นมีพนักงาน15,000 คน ลดเหลือ 6-7 พันคน
บางแห่งอาจพิจารณาย้ายฐานการผลิต ไปอยู่นอกประเทศอินเดีย เพื่อผลประโยชน์ในการส่งออก เช่น ย้ายไปยังประเทศโอมาน หรือบังกลาเทศ
ผู้ประกอบการบางราย พยายาม มุ่งขยายตลาดไปยังสหภาพยุโรป (อียู) โดยมองว่าหากอินเดียสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีกับอียูได้ในเร็ววัน ก็จะช่วยหนุนการส่งออกของประเทศให้เติบโตมากขึ้น
ขณะเดียวกัน การเจรจาการค้าระหว่างอินเดียกับอียูได้เข้าสู่ช่วงสำคัญ โดยทั้งสองฝ่ายเร่งดำเนินการเพื่อให้สามารถลงนามในข้อตกลงภายในสิ้นปีนี้
อียูถือเป็นคู่ค้าสินค้ารายใหญ่ที่สุดของอินเดีย โดยมูลค่าการค้ารวมในปีงบประมาณที่สิ้นสุดเดือน มี.ค. 2567 อยู่ที่ 137,500 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 90 ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา
แต่การส่งออกไปยุโรปไม่ง่าย เพราะต้องผลิตสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานที่เข้มงวดของงด้านการใช้สารเคมี การติดฉลากสินค้า และการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรม
เดิมทีเมื่อช่วงต้นปีนี้ กระทรวงกระทรวงสิ่งทออินเดีย เคยตั้งเป้าหมายการส่งออกส่งออกเครื่องนุ่งห่มเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัวในช่วง 5 ปีข้างหน้า แต่จากภาษีสหรัฐฯ และการหาตลาดใหม่อาจไม่ง่าย จึงสร้างความท้าทายต่ออินเดียในการจะก้าวไปถึงเป้าหมายที่วางไว้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
