พท.เปิดตัวเลข เศรษฐกิจติดลบ! แย่หนักต่อเนื่อง แนะ เลิกหลอกประชาชนว่าดีขึ้น
รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย “พิชัย นริพทะพันธุ์” ติง รบ.เลิกขายฝันแบบ “สมคิด” ห่วงหลังทูต 5 ประเทศออกโรงเตือนรอบสอง ชี้ “ประยุทธ์” ล้มเหลว
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 พ.ย. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ แถลงว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ยังคงย่ำแย่และติดลบอย่างต่อเนื่องที่ - 6.4 % ซ้ำเติมจาก ไตรมาสสองที่ติดลบถึง - 12.2%
แม้จะติดลบลดลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจไทยจะพ้นจุดต่ำสุด ตามที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลโดยนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง พยายามให้ข้อมูลกับประชาชนในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ซึ่งจากธุรกิจที่จะปิดตัวมากขึ้น จำนวนคนว่างงานที่จะเพิ่มขึ้นอีกมาก หนี้เสียธนาคารที่จะพุ่งขึ้นอีก อยากให้นายสุพัฒนพงษ์ และนายอาคมได้ไปอ่านบทวิเคราะห์ของเดอะวอลล์ สตรีท เจอร์นัล และนิคเคอิ เอเชียที่บอกเศรษฐกิจไทยจะแย่ยิ่งกว่าสมัยต้มยำกุ้ง
ทั้งนี้ ไม่อยากให้นายสุพัฒนพงษ์ และ นายอาคมพยายามขายฝันเหมือนที่นายสมคิดได้เคยทำและล้มเหลวมาแล้ว การที่พยายามจะบอกว่าการลงทุนจากต่างประเทศจะเข้ามาในปี 2564 และลงทุนจริงในปี 2565 ไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ยังคงเป็นนายกฯ เพราะที่ผ่านมา 6 ปีกว่าการลงทุนได้หายไปหมด
นายพิชัย กล่าวต่อว่า แค่เรื่องที่นายสุพัฒนพงษ์และนายอาคมคิดว่า “ชิมช้อปใช้” “คนละครึ่ง” “ช้อปดีมีคืน” จะสามารถฟื้นเศรษฐกิจได้ก็เป็นความคิดที่ผิดแล้ว แค่คิดแจกเงินแล้วเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นก็เหมือนกับการให้ยาแก้ปวดแล้วคิดว่าจะรักษาโรคมะเร็งได้
โครงการดังกล่าวเป็นเพียงแค่นโยบายของเล่นเพื่อหาเสียงเท่านั้น ส่วนที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่พูดถึงความมั่นคงของสถานะการเงินการคลังของไทยที่มีทุนสำรองต่างประเทศแต่ไทยยังจะมีปัญหาอีกมากก็น่าจะเป็นเรื่องจริง
อยากฝากให้ดูแลค่าเงินบาทที่ทำท่าจะแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเลขาสภาพัฒน์คนใหม่ก็คงพูดตามสคริปต์ สวนทางกับรายงานของเลขาฯสภาพัฒน์คนเก่าที่เพิ่งจะเกษียณอายุไปที่บอกว่า คนจนของไทยในปี 60-63 มีปริมาณเพิ่มขึ้นมาก
นายพิชัย กล่าวอีกว่า ล่าสุดทูต 5 ประเทศทั้งสหรัฐ อังกฤษ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และ เยอรมัน ได้ออกมาเรียกร้องรัฐบาล 10 ข้อ ซึ่งเป็นการเรียกร้องครั้งที่สองแล้ว หลังจากที่เรียกร้องครั้งแรกเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งหากประเทศคู่ค้าหลักของไทยต้องแสดงความเป็นห่วง
และต้องแนะนำไทยถึง 2 ครั้งในเวลาไม่กี่เดือน แสดงว่ารัฐบาลน่าจะมีปัญหาในการบริหารประเทศอย่างมากแล้ว แนวทางที่แนะนำคือการปรับเปลี่ยนระบบราชการไทยให้เป็นระบบดิจิตอลทั้งหมด หรือ Digitalization ซึ่งจะทำให้เกิดความโปร่งใส สะดวกและไม่ซ้ำซ้อน
ช่วยให้ลดการทุจริตคอร์รัปชั่นได้อย่างมาก และยังลดขนาดราชการของประเทศไทยลงซึ่งเป็นทิศทางของโลกในปัจจุบัน ทั้งนี้ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ และ ทีมเศรษฐกิจยังยึดติดอยู่ในกรอบเดิม และเพียงคิดแต่จะหลอกประชาชนไปวันๆว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น ประชาชนที่ลำบากจะออกมาไล่รัฐบาลกันมากยิ่งขึ้น
รวมสิทธิส่งเสริมคุณภาพชีวิต เกาะติดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ทันเรื่องราวกระแสสังคม
สัมผัสประสบการณ์ข่าวได้ที่ แอปพลิเคชัน ทรูไอดี (ดาวน์โหลดเลยที่นี่!!)