เปิดโลก Climate Tech เทคโนโลยีเพื่อโลกในงาน Techsauce Global Summit 2022
เรียกได้ว่ากลับมาอย่างยิ่งใหญ่สำหรับงาน "Techsauce Global Summit 2022" งานประชุมด้านเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้ตีมงาน "Opportunities Made Possible" หรือ การสร้างโอกาสให้เป็นจริง ซึ่งปีนี้หนึ่งในกระแสเทคโนโลยีที่เป็นไฮไลต์ คือ "Climate Tech" หรือเทคโนโลยีที่ช่วยแก้ไขปัญหาวิกฤตการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ซึ่งเป็นประเด็นที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจในขณะนี้
สำหรับคำว่า "Climate Tech" เป็นกลุ่มของเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อช่วยจัดการกับผลกระทบของภาวะโลกร้อน ตัวอย่างของการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีในกลุ่มนี้ จึงมักจะเกี่ยวข้องกับการพัฒนาสิ่งที่จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ หรือช่วยรักษาสภาพแวดล้อม ลดการปล่อยมลพิษในทางใดทางหนึ่ง
เช่น นวัตกรรมเกี่ยวกับพลังงานสะอาด, การพัฒนาแบตเตอรี่, นวัตกรรมการสร้างอาคารเพื่อโลก, การพัฒนากระบวนการในโรงงานให้มีความยั่งยืน, การพัฒนาด้านไฮโดรเจน, เชื้อเพลิงที่ยั่งยืน, การพัฒนาระบบกักเก็บและกำจัดคาร์บอน รวมไปถึง นวัตกรรมด้านการเกษตรและการผลิตอาหาร เป็นต้น
ซึ่งในงาน "Techsauce Global Summit 2022" ปีนี้ก็มีการจัดเวทีเสวนา เชิญชวนให้ทุกคนร่วมหาแนวทางแก้ไขปัญหาโลกร้อน ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ รวมถึงการจัดแสดงผลงานจากบรรดาสตาร์ตอัปและบริษัทต่าง ๆ ที่มองเห็นความสำคัญของการพัฒนานวัตกรรมด้าน Climate Tech
ตัวอย่างเช่นมูฟมี "MUVMI" ซึ่งเป็นบริการเรียกรถผ่าน Mobile Application เพื่อใช้เดินทางเฉพาะย่าน ให้บริการในระบบ Ride Sharing หรือทางเดียวกันไปด้วยกัน ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ช่วยลดการปล่อยมลพิษได้ อีกทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะมูฟมีได้มีการควบคุมการสร้างรถทุกคันให้มีคุณภาพ และออกแบบโครงสร้างของรถไฟฟ้าให้แข็งแรง อีกทั้งตัวรถยังไม่มีท่อไอเสีย จึงช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เกิดจากการเผาไหม้น้ำมันเครื่องยนต์ (PM 2.5) ได้อีกด้วย
ส่วนอีกหนึ่งนวัตกรรมที่น่าสนใจ คือการทำเนื้อสัตว์ที่จากพืช ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการลดปล่อยก๊าซมีเทน ที่มาจากกระบวนการย่อยอาหารของพวกสัตว์เคี้ยงเอื้อง เช่น โค วัว แกะ ที่คิดเป็นหนึ่งในสาม หรือสี่ ของปริมาณการปล่อยก๊าซมีเทนทั่วโลก โดยในงานมีตัวอย่างจากสตาร์ตอัปจากเชียงใหม่ เล็ต แพล็น มีต “Let’s Plant Meat” พัฒนาเนื้อที่ทำจากพืช 4 ชนิด ก็คือ ถั่วเหลือง (จากแหล่งผลิตที่ไม่มี GMO), ข้าว, มะพร้าว, และหัวบีทรูท ก่อนจะนำไปผสมและขึ้นรูป และผ่านกระบวนการแช่แข็ง ให้ผลิตภัณฑ์สามารถเก็บไว้ในตู้แช่ได้นานถึง 1 ปี
ซึ่งการผลิตเนื้อจากพืชแบบนี้ เคยมีผลงานวิจัยจากศูนย์ศึกษาด้านความยั่งยืน ของมหาวิทยาลัยมิชิแกน (University of Michigan’s Center for Sustainable Systems) ที่ศึกษาวงจรชีวิตของการผลิตเบอร์เกอร์เนื้อจากพืช พบว่ากระบวนการนี้จะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำน้อยลง 99%, ใช้ที่ดินน้อยลง 93%, ผลิตก๊าซเรือนกระจกน้อยลง 90% และใช้พลังงานน้อยลง 46% เมื่อเทียบกับการผลิตเบอร์เกอร์จากเนื้อวัว
และนี่คือส่วนหนึ่งที่น่าสนใจของนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับ climate tech ซึ่งเชื่อว่าถ้ากลุ่มเทคโนโลยีเหล่านี้ หากได้รับการสนับสนุนและการพัฒนาอย่างเต็มที่ ก็จะช่วยลดการปล่อยมลพิษของโลกได้อีกมากเลยทีเดียว
ขอบคุณข้อมูลจาก
techsauce (2)