ไทยเกินดุลสหรัฐฯ อันดับ 10 ของโลก แต่เจอภาษีเกือบสูงสุดถึง 36%

ไทยเตรียมเจอภาษีทรัมป์ สูงถึง 36% หากข้อเสนอใหม่ฝ่ายรัฐบาล ยังไม่เป็นที่พอใจของรัฐบาลสหรัฐฯ ก่อนเส้นตายสิ้นเดือนนี้ 

ทรัมป์ ระบุว่า อัตราภาษีนี้น้อยแล้ว เมื่อเทียบกับการเกินดุลการค้ากับไทย ที่ถือเป็นภัยความมั่นคงสหรัฐฯ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไทยเกินดุลการค้าสหรัฐฯ ขนาดนั้นเลยหรือ และอัตราภาษีนี้เหมาะสมหรือไม่

อัตราภาษี 36% หากมองในชาติเอเชียแล้ว ไทยถือว่าเกือบสูงสุด เป็นรองเพียงเมียนมา และ สปป.ลาว ที่เจอภาษี 40%

ไทยกับกัมพูชา เจอภาษีเท่ากัน แต่ของกัมพูชา ยังถือว่าได้อัตราภาษีลดจากเดิมที่เคยเจอถึง 49% ลดลงมาเหลือเท่าไทย 36%

อินโดนีเซีย ยังเจอภาษีน้อยกว่าไทยที่ 32% มาเลเซียที่ 25% และเวียดนาม ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ชาติที่เจรจาสำเร็จ ลดจาก 46% เหลือ 20%

หากดูจากกราฟิกนี้ ที่รวม 16 ประเทศที่ทรัมป์เคาะตัวเลขภาษีแล้ว กับประเทศที่เจรจาสำเร็จ คือ สหราชอาณาจักรและเวียดนาม จะพบว่าไทย มีอัตราภาษีสูงอันดับต้น ๆ ของโลกไปแล้ว 

แต่หากมาดูอีกกราฟิกหนึ่ง ที่แสดงถึงประเทศ/เขตเศรษฐกิจ 12 แห่งที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากที่สุด 

จะพบว่า ไทยเกินดุลการค้าปี 2024 อยู่อันดับที่ 10 ของโลก เป็นรองทั้งจีน เม็กซิโก เวียดนาม ไอร์แลนด์ เยอรมนี ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และแคนาดา

จีน ซึ่งเจรจาภาษีทรัมป์ไปได้ครึ่งทาง เป็นชาติที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากที่สุด แต่ได้อัตราภาษีน้อยกว่าไทย คือ 30%

เวียดนาม เกินดุลเป็นอันดับ 3 เจรจาแล้วเหลือ 20% 

ไต้หวัน อันดับ 6 เจอภาษี 32%

ส่วนญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และแคนาดา เกินดุลการค้าสหรัฐฯ มากกว่าไทย แต่เจอภาษีน้อยกว่าไทย ที่ 25% 

ปริมาณการเกินดุลการค้าของไทย อยู่ที่ 41,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือว่า น้อยกว่าจีน 6 เท่า และน้อยกว่าเวียดนามกว่า 2 เท่าตัว  

คำกล่าวของทรัมป์ในเอกสารถึงผู้นำไทยว่า การขาดดุลการค้ากับไทย เป็นภัยความมั่นคงสหรัฐฯ จึงอาจฟังดูเกินจริง ในเมื่อมีประเทศที่เกินดุลการค้ามหาศาลมากกว่าไทยถึง 9 ประเทศ 

และหากมองว่า รัฐบาลไทยล้มเหลวในการเจรจากับสหรัฐฯ หรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงว่า เวียดนาม เจรจาสำเร็จ และได้ลดภาษีเหลือ 20% เป็นแรงกดดันว่า ไทยต้องได้อัตราภาษีที่พอจะแข่งขันกับเวียดนามได้ 

แต่ในข้อเท็จจริงคือ ตอนนี้ มีเพียง 2 ชาติที่เจรจาสำเร็จ ได้ตัวเลขภาษีออกมาแล้ว คือ เวียดนาม และสหราชอาณาจักร แต่ประเทศที่เหลือยังบรรลุข้อตกลงภาษีกับทรัมป์ไม่ได้เช่นเดียวกับไทย