รีเซต

ตาขี้เกียจในเด็ก ภาวะเงียบที่อาจทำให้ลูกมองเห็นไม่ชัดไปตลอดชีวิต

ตาขี้เกียจในเด็ก ภาวะเงียบที่อาจทำให้ลูกมองเห็นไม่ชัดไปตลอดชีวิต
TNN ช่อง16
17 ตุลาคม 2568 ( 14:22 )
11

นายแพทย์พงษ์สันต์ สุปรียธิติกุล จักษุแพทย์ชำนาญการด้านโรคตาเด็กและโรคตาเข โรงพยาบาลเวชธานีอินเตอร์เนชั่นแนล อธิบายว่า ภาวะ ตาขี้เกียจ (Amblyopia) เป็นภาวะที่เกิดจากความผิดปกติทางตา ที่ทำให้สมองส่วนการมองเห็นไม่สามารถพัฒนาไปได้อย่างเต็มที่หรือหยุดพัฒนาไป ทำให้ตาข้างนั้น ๆ อาจมองไม่ชัดไปตลอดได้หากไม่ได้รับการแก้ไขในช่วงที่สมองยังพัฒนาได้อยู่

สาเหตุของตาขี้เกียจ

มีปัญหาค่าสายตาที่ผิดปกติ (Refractive amblyopia) ไม่ว่าจะสั้น ยาว หรือเอียง หากมีค่าที่มากเกินไป หรือค่าทั้งสองข้างต่างกันมาก ก็ทำให้เกิดตาขี้เกียจได้

ตาเขหรือตาเหล่ (Strabismic amblyopia) สมองจะเลือกใช้ตาข้างที่ตรงในการมอง ทำให้เกิดตาขี้เกียจในตาข้างที่เข

โรคทางตาที่บดบังการมองเห็น (Visual deprivation amblyopia) เช่น ต้อกระจกในเด็ก กระจกตาขุ่น เปลือกตาตก เป็นต้น

อาการบางอย่างที่อาจทำให้สงสัยว่ามีความผิดปกติทางตาหรือภาวะตาขี้เกียจ เช่น เด็กไม่มองตามหรือไม่มองหน้าสบตา เด็กต้องหรี่ตาหรือเอียงหัวเมื่อมอง มีตาเข เป็นต้น แต่ทั้งนี้ผู้ปกครองส่วนใหญ่มักไม่ทันสังเกตหรือสังเกตเห็นได้ช้า เนื่องจากเด็กที่มีภาวะตาขี้เกียจยังใช้ชีวิตได้ดูปกติ

 ในช่วงวัยเรียน เด็กต้องใช้สายตาเกือบตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการอ่าน เขียน หรือมองจอ/กระดาน หากตาข้างนึงมองไม่ชัด จะทำให้เกิดปัญหาด้านการเรียน จนอาจถูกเข้าใจผิดว่าไม่ตั้งใจเรียนหรือมีปัญหาด้านอื่น ๆ ได้ ทั้งที่แท้จริงแล้วเกิดมาจากปัญหาการมองเห็น

ในประเทศอเมริกาแนะนำว่าเด็กควรได้รับการตรวจตาเพื่อคัดกรองอย่างน้อย 1 ครั้ง ก่อนอายุ 3 – 5 ขวบ และควรตรวจไปปีละครั้งจนพัฒนาการมองเห็นสมบูรณ์ดีแล้ว โดยการตรวจขึ้นอยู่กับอายุเด็ก แพทย์จะทำการตรวจตา การทำงานของกล้ามเนื้อตา ประเมินการมองเห็น วัดค่าสายตา เป็นต้น 

สำหรับแนวทางการรักษาภาวะตาขี้เกียจ แบ่งออกเป็น

แก้ไขสาเหตุที่ทำให้เกิดตาขี้เกียจ เช่น การใส่แว่นตาในรายที่มีค่าสายตาที่ผิดปกติหรือตาเขบางชนิด การผ่าตัดรักษาในรายที่มีตาเข ต้อกระจก เปลือกตาตก เป็นต้น

การกระตุ้นให้ข้างที่สงสัยภาวะตาขี้เกียจให้ได้ใช้งานมากขึ้น เช่น

การลดการใช้งานตาข้างที่ดี เช่น การปิดตาข้างที่ดี (Patching) การหยอดยาหรือใช้เลนส์ในตาข้างที่ดีให้มัวลงชั่วคราว แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ในการควบคุมโดยแพทย์ เพื่อไม่ให้เกิดตาขี้เกียจในตาข้างที่ดีจากการรักษาได้ (Reverse amblyopia)

การกระตุ้นให้ตาขี้เกียจได้ใช้งาน เช่น การเล่น VDO เกมส์ หรือมีกิจกรรมในมองมองใกล้ 20 – 30 นาทีต่อวัน

ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่จะทำให้การรักษาได้ผลดีที่สุด คือก่อนอายุ 7–8 ปี เพราะสมองของเด็กยังพัฒนาได้เต็มที่ หากปล่อยเลยวัยนี้แล้วจะทำให้ผลลัพธ์ของการรักษาลดลง

“เด็กที่มีตาขี้เกียจหลายคนดูเหมือนจะมองเห็นดี เพราะใช้ตาอีกข้างที่ยังปกติช่วย ดูไม่ได้เป็นปัญหาที่น่ากังวล แต่เมื่อโตขึ้นจะพบว่ากิจกรรมที่ต้องใช้การมองเห็นที่ละเอียดด้วยตาสองข้าง เช่น การกะระยะ การมองภาพสามมิติ อาจส่งผลกับการทำงานบางสาขาได้ การรักษาในวัยผู้ใหญ่จะได้ผลน้อยกว่าการรักษาในตอนเด็กค่อนข้างมาก ดังนั้น ตาขี้เกียจอาจเป็นคำเรียกที่ฟังดูไม่ร้ายแรง แต่ผลที่ตามมาอาจส่งผลไปตลอดชีวิตได้ การสังเกตและตรวจคัดกรองตั้งแต่เนิ่น ๆ คือกุญแจสำคัญของการรักษา เพราะดวงตาของเด็กยังมีพลังในการฟื้นตัวและพัฒนาต่อได้”นายแพทย์พงษ์สันต์กล่าว

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง