TPAC ชูแผนปี64 อัพฐานการผลิต ปั๊มรายได้พุ่ง20%
ทันหุ้น – สู้โควิด - TPAC กางแผนงานปี 2564 ปั๊มรายได้โต 20% จากการขยายกำลังการผลิตที่ UAE และอินเดีย เผยทิศทางครึ่งปีหลังสดใส มั่นใจรายได้ทั้งปีโตมากกว่าปีก่อน หลังทำกำไรนิวไฮครึ่งปีแรกที่ 178.79 ล้านบาท
นาย เควิน คูมาร์ ชาร์มา ประธานกรรมการ บริษัท พลาสติค และหีบห่อไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPAC เปิดเผยว่าบริษัทตั้งเป้าการเติบโตในปี 2564 อยู่ที่ 20% จากการขยายกำลังการผลิตที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE) ซึ่งได้มีการก่อสร้างโรงงานใหม่ โดยเตรียมนำเข้าเครื่องจักรเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ขณะที่ในประเทศอินเดียปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมการก่อสร้างโรงงาน ส่วนในประเทศไทยบริษัทมีกาขยายกลุ่มลูกค้าที่ศึกษามานาน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตได้เร็วๆ นี้
***ครึ่งปีหลังโตดี
สำหรับทิศทางในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทเชื่อว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 1,992.08 ล้านบาท เเละมีกำไรสุทธิที่ 178.79 ล้านบาท ถือว่าเป็นกำไรสุทธิที่มากกว่าปีก่อนทั้งปีที่ 138.84 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรปีนี้ทำจุดสูงสุด(นิวไฮ)ของบริษัท ด้านโดยภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทเชื่อว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทได้กลับมาเปิดโรงงานในประเทศอินเดีย ซึ่งกลับมาผลิตได้ในช่วงเดือนพฤศภาคม - มิถุนายน2563 จากที่ผ่านมาได้มีการปิดโรงงานไปในช่วงเดือนเมษายน 2563 จากสถานการณ์โรคไวรัสโควิด-19 และหน่วยงานส่วนท้องถิ่นได้มีคำสั่งให้ระงับกิจกรรมทั้งหมด ยกเว้นกิจกรรมที่มีความจำเป็นตามที่กำหนดนั้น โดยในช่วงครึ่งปีหลัง ผลการดำเนินงานในประเทศอินเดียจะเริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานอยู่ในประเทศไทย 4 แห่ง ประเทศอินเดีย 5 แห่ง และประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE) อีก 1 แห่ง โดยสัดส่วนรายได้มาจากประเทศไทยคิดเป็น 46%, อินเดีย 43% และ UAE 11%
**โควิดไม่กระทบ
อย่างไรก็ตามบริษัทสามารถเติบโตได้เเม้อยู่ในสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 โดยมีอัตรากำไรที่ดีขึ้น และขยายตัวต่อเนื่อง นอกจานี้ยังมีตัวเลข EBITDA ในช่วงครึ่งปีเเรกอยูที่ 23% (เพิ่มขึ้นจาก 16% ในปี 2560) โดยบริษัทได้กระจายกลุ่มลูกค้าไปยังธุรกิจที่หลากหลาย อาทิ ของใช้ในชีวิตประจำวัน ขนม นม น้ำมันบริโภค สบู่ แชมพู เเละธุรกิจยา ยาบำรุงสุขภาพ/ ยาสามัญ เป็นต้น และล่าสุดได้รุกไปสู่ธุรกิจยา ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตสูงและเป็นตลาดที่ใหญ่ในประเทศอินเดีย นอกจากนี้ได้มุ่งเน้นไปที่กลุ่มที่นวัตกรรมสุขอนามัยและคุณภาพของซัพพลายเออร์เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าที่แตกต่างกันกว่า 1,500 ราย
ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้อาหารเเละเครื่องดื่ม (Food & Beverage) อยู่ที่ 67%, ยาและการดูแลส่วนบุคคล( Pharmaceutical & Personal Care) อยู่ที่ 24%, อุตสาหกรรมและการดูแลบ้าน (Industrial & Homecare) อยู่ที่ 9%