DTCENT จีพีเอสผงาด คู่ขาหนุนยอด200ล.

#DTCENT #ทันหุ้น – DTCENT รับอานิสงส์ท่องเที่ยวฟื้น หนุนลูกค้ากลุ่มบริการ GPS TRACKING ปี 2666 เติบโตไม่ต่ำกว่า 20%ยิ้มร่วมออกบูธแดนปลาดิบกระแสตอบรับล้นหลาม อวดแบ็กล็อกในมือ 1,000-2,000 ล้านบาท คาดทยอยรับรู้รายได้เฉลี่ยปีละ 600 ล้านบาท ชูพาร์ตเนอร์ บุญรอด-ยาซากิ ช่วยปั๊มยอดไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท
นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ DTCENT เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมปี 2566 มีแนวโน้มการขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2565 โดยเฉพาะในภาคส่วนของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับขนส่งและโลจิสติกส์ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน สะท้อนต่อความต้องการใช้งานระบบของบริษัทที่เพิ่มมากขึ้น
สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับสถานการณ์การท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวเร็ว โดยเฉพาะการที่ทางการจีนเปิดให้ทัวร์จีนออกมาท่องเที่ยวใน 20ประเทศรวมถึงไทยอย่างรวดเร็วตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ จะส่งผลบวกกับบริษัทในฐานะผู้ให้บริการระบบติดตามยานพาหนะด้วยดาวเทียม (GPS Tracking) อย่างมาก ทำให้ขณะนี้ทั้งกลุ่มฐานลูกค้าเดิม รวมถึงลูกค้าใหม่ให้ความสนใจเข้าใช้บริการดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น
*ระบบ GPS Tracking ฮอต
นอกจากนี้ มองว่าจากปัจจัยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5และมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ ในกรอบวงเงินรวม 3,946.44 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 วงเงิน 2,016 ล้านบาท ยังทำให้เกิดดีมานด์การเดินทางเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดี ด้วยมาตรการบังคับของทางขนส่งทำให้กลุ่มรถให้บริการท่องเที่ยว รถตู้ รถทัวร์ต่างๆ จึงจำเป็นต้องติดตั้งระบบ GPS Tracking
และด้วยปัจจัยดังกล่าวทำให้คาดว่าการเติบโตในส่วนของยอดขาย GPS Tracking ปีนี้จะไม่น้อยกว่า 20% จากปีก่อน ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ด้าน GPS ที่เป็นสัญญาระยะยาว 3 ปี รวมมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาท คาดทยอยรับรู้รายได้เฉลี่ยปีละ 600 ล้านบาท
นอกจากนี้ จากการที่บริษัทมีพันธมิตรรายใหญ่ทั้งบริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) และบริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS) ซึ่งถือเป็นพันธมิตรหลักที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนในการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศได้มากขึ้น
*พาร์ตเนอร์หนุน
โดยในช่วงเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการเดินทางไปพบกับซัพพลายเออร์ โรงงานผู้ผลิตรถยนต์เป็นจำนวนมากร่วมกับทาง YES เพื่อนำเสนออุปกรณ์ อาทิ IoT Solution รวมถึงระบบบริหารจัดการอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยเทคโนโลยี AI เช่น การแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง การแจ้งเตือนคนขับรถเมื่อหลับขณะขับขี่ เป็นต้น ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญทั้งระบบซอฟต์แวร์ Smart Factory ตลอดจนการพัฒนาไอทีโซลูชัน
ส่งผลให้คาดว่าจากนี้ไปบริษัทจะได้รับงานด้านการพัฒนาระบบ GPS & Telematics ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ในรูปแบบ OEM Tier 1 พัฒนา IoT Solution ให้กับลูกค้าต่างชาติได้มากขึ้น อย่างไรก็ดี บริษัทจะเร่งดำเนินการขอใบรับรองการผลิตมาตรฐานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ส่วนการร่วมมือกับทาง BRS นั้น ในปีนี้จะเริ่มต้นทดลองระบบขนส่งและโลจิสติกส์ อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าพันธมิตรทั้ง 2จะสามารถสร้างยอดขายให้บริษัทได้เพิ่มในปีนี้รวมประมาณ 200 ล้านบาท
*รายได้โต 10-15%
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2566บริษัทวางเป้าการเติบโตรายได้รวมที่ไม่ต่ำกว่า 10-15% จากปีก่อน โดยปีนี้ภาพรวมอุตสาหกรรมมีแนวโน้มการขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2565โดยเฉพาะในภาคส่วนของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับขนส่งและโลจิสติกส์ สะท้อนต่อความต้องการใช้งานระบบของบริษัทที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 1/2566 บริษัทจะมีการปล่อยผลิตภัณฑ์ Mobile Application Tracking
รวมถึงจะมีการปล่อยผลิตภัณฑ์และโปรโมชันด้าน Smart City ออกมาเพิ่มเติม ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมกับพันธมิตรต่างประเทศ คาดว่าในปี 2566 จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน