ธปท.ชี้บาทแข็งไม่เห็นสัญญาณ"เก็งกำไร"

ดร.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่แข็งค่าว่า ธปท.ยังไม่เห็นสัญญาณการเก็งกำไร แต่เคลื่อนไหวสอดคล้องกับภูมิภาคที่แข็งค่าขึ้นจากปัจจัยค่าเงินดอลลาร์อ่อน นอกจากนี้เงินบาทแข็งยังมาจากปัจจัยนการซื้อขายทองคำ เพราะราคาทองคำมีความเชื่อมโยงกับค่าเงินสูงขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 0.7 ซึ่งสูงกว่าในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงไทยยังเกิดดุลบัญชีเดินสะพัด และการเมืองในประเทศมีความชัดเจน จึงทำให้เงินบาทแข็งค่ามากกว่าสกุลเงินในภูมิภาค
นอกจากนี้ หากดูตัวเลขเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลเข้า/ออกยังเป็นปกติ โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาถึงล่าสุด (YTD ถึงวันที่ 17 ก.ย. 68) มีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดพันธบัตรไทยสุทธิ 1,200 ล้านดอลลาร์ แต่ตลาดหุ้นเงินไหลออกสุทธิ
ทั้งนี้ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่า YTD ตลาดหุ้นไทยมีเม็ดเงินไหลออกสุทธิ 87,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี โฆษกธปท.ยอมรับว่า ช่วงที่เงินบาทแข็งค่าเร็วเกินไป ธปท.ได้เข้าไปดูแลเพื่อลดความผันผวนไม่ให้เร็วและแรงเกินไป เพื่อให้ผู้ประกอบการในประเทศสามารถปรับตัวได้
สำหรับความกังวลเรื่อง เงินที่ไหลเข้ามาที่ไม่สามารถระบุที่มาได้ หรือความคลาดเคลื่อนสุทธิในดุลการชำระเงิน (Net Errors and Omissions : NEO) ที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ว่าส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากการรับรู้ข้อมูลเงินไหลเข้า ( Flow) ล่าช้า
เช่น กรณีบริษัทต่างชาติในประเทศไทยส่งกำไรกลับประเทศ ธปท.จะไม่เห็นข้อมูลเลย แต่ประมาณการได้ เนื่องจากจะรู้ว่าช่วงไหนใครจะส่งเงินกลับ ก่อนที่จะเห็นตัวเลขจริง ต้องรองบการเงินของบริษัท ซึ่งอาจต้องรอ 1-2 ไตรมาส หรือต้องรอ 1 ปีก่อนจะเห็นรายงานงบการเงินจริง
หรือในกรณีที่ชาวต่างชาติแต่งงานกับคู่ชีวิตคนไทย นำเงินเข้าประเทศไทย แต่ให้เงินคู่ชีวิตนำไปซื้อคอนโดหรือบ้าน กรณีนี้จะเห็นว่ามีเงินไหลเข้ามา อยู่ในบัญชีดุลการชำระเงิน แต่ไม่รู้ที่มาที่ไป เนื่องจากบัญชีดุลการชำระเงิน ต้องเป็นธุรกรรมระหว่างผู้ที่อยู่อาศัยในประเทศ (Resident) กับชาวต่างชาติ (Non Resident) ทั้งนี้ทุกประเทศประสบปัญหาดังกล่าวเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ตัวเลข Net Errors and Omissions ที่พบว่ามีจำนวนมากนั้น โฆษกธปท.ระบุว่า ได้มีปรับปรุงข้อมูลล่าสุดพบว่าตัวเลขปรับลดลงสู่ระดับปกติ และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มประเทศเอเชียรายได้ปานกลาง ซึ่งอยู่ที่ประมาณร้อยละ 1.4 -1.5 ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ ในช่วง 10 ปีย้อนหลังที่ผ่านมา (ระหว่างปี 2014-2023) โดยจะชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งที่มาของเงินจากเดิมที่ไม่ทราบได้ในวันที่ 30 กันยายนนี้ เป็นปัจจัยหนึ่งที่กดดันค่าเงินบาท เนื่องจากทุกการไหลเข้าออกของเงินในบัญชีดุลการชำระเงิน (Balance of Payment:BOP) จะมีผลต่อค่าเงินบาท ส่วนเงินไหลเข้าที่ไม่สามารถNet Errors and Omissions
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
