IAA แนะนักลงทุนระวังการซื้อ-ขายหุ้นบริษัทที่ยื่นขอฟื้นฟูกิจการ
IAA แนะนักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการซื้อ-ขายหุ้นในบริษัทที่ยื่นขอฟื้นฟูกิจการก่อนถูกแขวน SP ยาว และเสี่ยงถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ
สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) แนะนักลงทุนซื้อหรือขายออกในหุ้นสามัญของบริษัทที่มีการยื่นขอฟื้นฟูกิจการ ใช้ความละเอียดและจริงจังในการพิจารณาซื้อหรือขายหุ้นเหล่านี้ มากกว่าหุ้นโดยปกติหลายเท่าตัว โดยให้พิจารณา ดังนี้
1. การยื่นฟื้นฟูกิจการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ผ่านมานั้น มีทั้งฟื้นแล้วฟูลอยขึ้นมาได้ กับฟื้นไม่สำเร็จต้องเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯไป อัตราส่วนทั้งสองอย่างนี้ไม่ต่างกันมากนัก ดังนั้น หากหุ้นที่นักลงทุนถืออยู่เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูฯ ถือเป็นหุ้นที่มีระดับความเสี่ยง ยากในการวิเคราะห์ ผู้ลงทุนต้องตัดสินใจให้ดี พร้อมจะรับผลขาดทุนจำนวนมากหากตัวเราคาดการณ์ผิด
2. จากประเด็นการมีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ ก็จะเข้าเกณฑ์อาจถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ หากครบ 3 ปี แล้วยังแก้ไขปัญหาที่เป็นเหตุให้ถูกเพิกถอนได้ไม่สำเร็จ เช่น ส่วนของผู้ถือหุ้นยังเป็นลบ ตลาดหลักทรัพย์ก็อาจต้องเพิกถอนหุ้นของบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์ ใครมีหุ้นดังกล่าวอยู่ในมือก็หมดโอกาสขายได้ในตลาดหลักทรัพย์อีกต่อไป
3. สมาคมฯ แนะให้ผู้ลงทุนพิจารณาว่า หุ้นที่ไปฟื้นฟูกิจการ จะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากหรือน้อย ได้แก่ ดูอัตราส่วนของสินทรัพย์ที่จำเป็นต้องมีในการดำเนินกิจการ เทียบกับหนี้สินต่างๆ ห่างกันแค่ไหน ส่วนที่มีน้อยกว่าหนี้ ก็เท่ากับ การติดลบของส่วนของผู้ถือหุ้น ถ้ามีสินทรัพย์น้อยกว่าหนี้มากๆ ก็เหนื่อยมากๆ
ดังนั้น ถ้าช่วงเริ่มฟื้นฟู สามารถเจรจาให้เจ้าหนี้ ยอมลดหนี้ หรือยอมแปลงหนี้เป็นหุ้น ได้มากเท่าไร โอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็จะมีมากขึ้น ส่วนการยืดเวลาชำระหนี้ยาวๆโดยไม่คิดดอกเบี้ย ก็อาจมีประโยชน์อยู่บ้างตามระยะเวลาที่ยืดให้ ยิ่งยาวยิ่งดี แต่ประโยชน์ตรงนี้มีผลน้อยกว่าการที่เจ้าหนี้ยอมลดหนี้ให้ ส่วนกรณีปล่อยล้มละลาย ขายทรัพย์สิน เจ้าหนี้จะได้รับเงินก่อนผู้ถือหุ้นอยู่แล้ว ถ้าเจ้าหนี้ได้ไม่ครบ ผู้ถือหุ้นก็จะไม่เหลืออะไรเลย
สมาคมนักวิเคราะห์ฯให้นักลงทุนพิจารณาธุรกิจที่ทำต่อ มีแนวโน้มที่ดีหรือไม่ ถ้าเป็นธุรกิจที่ดูแล้วมีกำไรเป็นกอบเป็นกำ ก็ทำให้มีความหวังที่จะฟื้นกลับให้เฟื่องฟูได้ในเวลาไม่นาน แต่ถ้าอยู่ในธุรกิจที่ลุ่มๆดอนๆเอาแน่นอนไม่ได้หรือเป็นธุรกิจที่โดยเฉลี่ยแล้วมีกำไรน้อย ก็คงต้องลุ้นมากหน่อย
ดังนั้นหุ้นที่จะลาไปฟื้นฟูกิจการมีประเด็นความยุ่งยากในการคาดเดารวมทั้งอาจต้องใช้เวลายาวนานเพื่อพิสูจน์ว่าจะสามารถกลับมาให้ซื้อขายได้ในอนาคต นักลงทุนจำเป็นต้องใช้ความละเอียดและจริงจังในการพิจารณาซื้อหรือขายหุ้นเหล่านี้