"คันทรี่ กรุ๊ป" ชี้ตลาดหุ้นสัปดาห์แรกของปีเจอปัจจัยลบมากกว่าบวก 'โอมิครอน' ติดที่หนึ่งน่ากังวล
ข่าววันนี้ นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สัปดาห์แรกของการลงทุนในปี 2565 เรื่องของโอมิครอน มีปัจจัยบวกและปัจจัยลบผสมผสานกัน สำหรับปัจจัยบวก ปรากฎว่าการเสียชีวิตจากโอมิครอน ค่อนข้างต่ำ อิงข้อมูลการติดเชื้อจากสหรัฐ 29 ธันวาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ราว 4.89 แสนราย ข้อมูลการเสียชีวิตรายวันล่าสุด เฉลี่ยต่อวัน 1-2 พันรายหรือคิดเป็นอัตราการเสียชีวิตจากติดเชื้อที่ 0.4% ขณะเดียวกันฝรั่งเศสผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2.2 แสนราย แต่การเสียชีวิตยังแกว่ง 100 – 200 รายต่อวันและยังไม่ทำระดับสูงสุดใหม่เหมือนจำนวนการติดเชื้อ
ด้านปัจจัยลบ 1.การติดเชื้อทั่วโลกที่ทำจุดสูงสุดใหม่ในประวัติการณ์ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในภาพรวมและเสี่ยงเผชิญปัญหาอุปทานขาดแคลน 2. ผู้ติดเชื้อโอมิครอน ในไทยเร่งตัว ล่าสุด วันที่ 2 มกราคมสะสม 1,551 รายและการติดเชื้อเฉพาะคน ในประเทศได้เร่งตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ดังนั้นต้องติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดว่าจะเป็นในทิศทางใด หากแกว่งแดนบวกก็เป็นไปได้ว่าตลาดให้น้ำหนักกับความรุนแรงของโรคที่เบาบาง แต่หากแกว่งแดนลบก็ตีความได้ว่าตลาดกังวลกับสถานการณ์การระบาด รวมถึงเริ่มโครงการช็อปดีมีคืนได้เริ่มมาตรการ 1 ม.ค. 2565 มองเป็นบวกต่อกลุ่มที่ขายสินค้าและบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม อาทิ ค้าปลีก ร้านอาหาร อีกทั้งการประชุม OPEC จะมีการใส่กำลังการผลิตเข้ามา 4 แสนบาร์เรล/วัน หากเป็นไปตามนี้เชื่อว่าผลกระทบต่อราคาน้ำมันจำกัด แต่หากปรับเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่า 4 แสนบาร์เรล/วัน จะเป็นลบกับราคาน้ำมัน
3. ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันพฤหัสบดี 6 มรกาคมนี้ อาทิ PMI ภาคบริการจาก ISM Bloomberg คาดที่ 67.2 และวันศุกร์สำหรับภาคแรงงานสหรัฐ Bloomberg คาดการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ 4.1 แสนตำแหน่งและอัตราการว่างงานที่ 6% เชื่อว่าตลาดอยากเห็นตัวเลขที่ไม่ร้อนแรงจนเกินไปเพื่อ ให้ FED ยังไม่เร่งรีบใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดจนเกินไป ส่วนปัญหาราคาหมูแพงเราคาดว่าราคาจะยังยืนระดับสูงเช่นนี้ไปอีก 3-6 เดือนจากนั้นจะเริ่มเห็นอุปทานใหม่เข้ามา