"คนละครึ่ง" มาแน่ อนุทิน เผยเงื่อนไขใหม่ คนเสียภาษีได้สิทธิ 60 ต่อ 40 ประชาชนทั่วไป 50 ต่อ 50

นายกฯ"อนุทิน" แย้มเงื่อนไขใหม่ โครงการ "คนละครึ่ง 2568"
คนเสียภาษี ได้สิทธิ 60:40 ประชาชนทั่วไป ได้สิทธิ 50:50 มั่นใจทันในกรอบ 4 เดือน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พูดถึงกระแสตอบรับที่ดีที่รัฐบาลใหม่จะดำเนินการ โครงการคนละครึ่ง ว่า ยอมรับกระแสดีเพราะเราฟังประชาชน เพราะไม่ใช่พรรคการเมืองที่คิดว่าจะทำแบบนี้ว่าจะก็อบปี้พรรคไหน เพราะทำเพื่อประชาชน ประชาชนได้ประโยชน์เราจะไปก็อปปี้ใครเราก็จะทำ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ 30 บาทรักษาก็ต้องเดินต่อไป แม้ว่าจะเกิดในรัฐบาลทักษิณ รวมถึงโครงการคนละครึ่งมาจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ และตนเป็นรัฐมนตรีสมัยท่านตนก็ยกมือสนับสนุน
ส่วนกระแสที่ระบุว่า คนละครึ่งจะเป็น 50:50 หรือจะเป็นแบบพลัสนั้น นายอนุทิน ยอมรับว่าเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา จากที่ได้คุยกับ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หากไม่กระทบวินัยการเงินหรืองบประมาณและช่วยเหลือประชาชนได้ แต่จะออกไปในรูปแบบ 60:40 เพื่อจูงใจกลุ่มคนที่เสียภาษี ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็เสียภาษีอยู่แล้ว
แต่หากเป็นประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เสียภาษีก็ 50:50 ถือเป็นไอเดียที่ นายเอกนิติ เสนอ ซึ่งตนก็เห็นด้วย และสั่งให้ไปพิจารณาเพิ่มเติม แต่ต้องไม่ผิดรัฐธรรมนูญ กฎหมาย งบประมาณ และไม่เสียวินัยการเงินการคลัง พร้อมยอมรับว่าโครงการจะทันในกรอบ 4 เดือน และ นายเอกนิติก็แจ้งมาว่างบประมาณมีดำเนินการ พร้อมเปรียบว่ากระเป๋าก็ยังมีเหมือนเดิม
"วรภัค" ชี้คนละครึ่งช่วยเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจ 2 แสนล้าน
นายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีตซีอีโอกรุงไทย ว่าที่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ใน ‘รัฐบาลอนุทิน1’ โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อคืนวันที่ 8 กันยายน 2568 ที่ผ่านมาว่า ถึงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลว่า "คนละครึ่ง" อาจถึงเวลาที่ต้องกลับมาอีกครั้ง
หลายคนยังจำได้ "โครงการคนละครึ่ง" ที่รัฐบาลเคยทำในช่วงวิกฤติโควิด เป็นหนึ่งในมาตรการที่ “ประชาชนรู้สึกได้จริง” ว่าช่วยลดภาระค่าครองชีพ และยังทำให้ร้านค้าเล็กๆ ท้องถิ่นมีรายได้หมุนเวียนมากขึ้น
หลักการก็ง่าย ๆ รัฐช่วยจ่าย 50% ประชาชนจ่ายอีก 50% ไม่เพียงช่วยแบ่งเบาภาระ แต่ยังทำให้เงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจทันที
ผลลัพธ์ในครั้งนั้นชัดเจนมาก :
ประชาชนกว่า 20–28 ล้านคนเข้าร่วม
เงินสะพัดในระบบกว่า 2 แสนล้านบาท
ร้านค้ารายย่อย และหาบเร่แผงลอยได้ลูกค้ากลับมา
นายวรภัค ระบุด้วยว่า ในวันนี้ค่าครองชีพยังสูง เศรษฐกิจฐานรากยังเหนื่อยการพิจารณานำ โครงการคนละครึ่ง กลับมา อาจเป็นอีกหนึ่งทางออกระยะสั้น ที่จะช่วยทั้ง “ผู้ซื้อ” และ “ผู้ขาย” ไปพร้อมกัน
แน่นอนว่าไม่ใช่คำตอบถาวร แต่ในช่วงที่ประชาชนกำลังรับภาระหนัก การมีมาตรการที่ “สัมผัสได้จริง” อาจเป็นพลังใจ และแรงขับเคลื่อนสำคัญให้เศรษฐกิจเดินต่อ
นอกจากนี้ทางปลัดคลังเผยพร้อมเดินหน้า “คนละครึ่ง” หากรัฐบาลอนุมัติ เริ่มได้เร็ว ยันระบบพร้อมใช้ผ่านแอปเป๋าตัง งบฯมีแล้ว 25,000 ล้านบาท หากวงเงินไม่พอสามารถปรับโยกงบฯกลางได้
ปลัดคลังเผยเดินหน้า "คนละครึ่ง" ได้ทันที มีงบประมาณและระบบพร้อมใช้
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยของนายอนุทิน ชาญวีรกูล มีแนวคิดที่จะนำโครงการคนละครึ่งมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ว่าโครงการคนละครึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที ระบบที่เคยพัฒนาไว้ยังพร้อมทำงาน หากได้รับมอบนโยบายจากรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ทันที
สำหรับด้านงบประมาณมีไว้อยู่แล้ว ในส่วนของงบฯกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับปี 2569 จำนวน 25,000 ล้านบาท หากเริ่มดำเนินโครงการในเดือน ตุลาคม 2568 แต่หากวงเงินไม่พอสามารถปรับโยกงบฯกลางได้
ปลัดคลังกล่าว ระบุว่า วันนี้สามารถนำระบบและแพลตฟอร์มที่มีอยู่แล้วนำมาใช้ใหม่ได้ โดยไม่ต้องสร้างใหม่ ซึ่งทางเทคนิคไม่มีปัญหา พร้อมดำเนินการทันที เริ่มได้ตั้งแต่ตุลาคมนี้
นายลวรณกล่าวว่า ทั้งนี้ ขนาดโครงการสัดส่วนการร่วมจ่าย และประเภทสินค้าที่เข้าร่วมยังรอรายละเอียดจากรัฐบาล เมื่อมีนโยบายชัดเจนสามารถดำเนินการได้ทันที โดยยังคงใช้แพลตฟอร์มเดิมบนแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง”
ส่วนจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากหรือน้อยแค่ไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของโครงการ วงเงินที่อัดฉีด และจำนวนวันที่เปิดให้ใช้สิทธิ ซึ่งต้องรอดูรายละเอียดจากรัฐบาลอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ยังเร็วไปที่จะประเมิน ขอรับนโยบายก่อน แต่ในระหว่างนี้ถ้ามีความชัดเจน กระทรวงการคลังพร้อมดำเนินการ โดยจะเปิดให้มีการลงทะเบียนร้านค้าก่อน
สรุปเงื่อนไขใหม่โครงการ "คนละครึ่ง"
กลุ่มคนที่เสียภาษี ได้รับสิทธิ 60:40
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เสียภาษี ได้รับสิทธิ 50:50
คุณสมบัติของผู้ร่วมโครงการ "คนละครึ่ง"
1. มีบัตรประจำตัวประชาชน และเป็นบุคคลสัญชาติไทย
2. มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่เปิดรับลงทะเบียน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
