รีเซต

SET ผ่านจุด Bottom! ชี้ 2 ปัจจัยหนุนใหญ่ แนะหุ้นเด่น แบงก์ รับเหมา โรงไฟฟ้า

SET ผ่านจุด Bottom! ชี้ 2 ปัจจัยหนุนใหญ่ แนะหุ้นเด่น แบงก์ รับเหมา โรงไฟฟ้า
TNN ช่อง16
21 พฤษภาคม 2568 ( 15:27 )
23
คุณสุวัฒน์ วัฒนพรพรหม ผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ WEALTH LIVE (21 พ.ค. 68) ว่า ตลาดหุ้นไทย (SET Index) น่าจะผ่านจุดต่ำสุดของปีนี้ไปแล้ว บริเวณ 1,150-1,160 จุด โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญ 2 ประการคือ การปรับเปลี่ยนนโยบายการคลังของภาครัฐที่พลิก 360 องศามาเน้นการลงทุน และ แนวโน้มการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย (ลดดอกเบี้ย) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารกลางในอาเซียน ซึ่งจะช่วยหนุนสภาพคล่องและสร้างความเชื่อมั่น แนะลงทุนในหุ้นกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์โดยตรง ได้แก่ ธนาคาร, รับเหมาก่อสร้าง, วัสดุก่อสร้าง, โครงสร้างพื้นฐาน, โรงไฟฟ้า และหุ้นปันผลสูง

SET พ้นจุดต่ำสุด - Valuation น่าสนใจ - EPS ปีนี้ยังโตได้

คุณสุวัฒน์เชื่อว่าจุดต่ำสุดของ SET Index ในปีนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แม้จะมีความกังวลเรื่องผลกระทบจากสงครามการค้าที่ทำให้หลายสำนักปรับลดประมาณการ GDP ไทยลง แต่ปัจจุบันตลาดเริ่มประเมินภาพใหม่ โดยมีปัจจัยบวกที่ต้องจับตา 3 เรื่อง:

  1. การเจรจาการค้า: สัญญาณต่างๆ เริ่มคลี่คลายลงต่อเนื่อง หากไทยได้ข้อเสนอที่ไม่ด้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน แรงกดดันจะลดลง
  2. นโยบายการเงินผ่อนคลาย (Easing Cycle): แรงกดดันเงินเฟ้อในอาเซียนลดลงจากผลของ Trade War ทำให้ธนาคารกลางต่างๆ รวมถึง ธปท. มีแนวโน้มใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย (คาดลดดอกเบี้ยอีก 1-2 ครั้งในปีนี้) ซึ่งจะหนุนสภาพคล่องในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง
  3. นโยบายการคลังเน้นลงทุน (Game Changer): การที่ ครม. ปรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากเดิมที่เน้นการบริโภค (Digital Wallet) มาเป็น การเน้นลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่จะมีนัยยะต่อโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในระยะกลางถึงยาว

"ผมเชื่อว่าถ้าเราดู Time Frame ระยะกลางหน่อยนะครับ จากจุดที่ตลาดหุ้นทำ Low บริเวณ 1,000 กับ 5 1,060 จุดนะครับ (1,150-1,160 จุด) บริเวณดังกล่าวเนี่ยผมคิดว่า น่าจะเป็นจุด Bottom ของปีนี้ไปแล้ว" คุณสุวัฒน์กล่าว

ในแง่ Valuation ปัจจุบัน SET Index ถือว่า ไม่แพง โดย Current Equity Risk Premium (ERP) อยู่ที่ระดับใกล้ 5% ซึ่งเป็นระดับที่มักเห็นในช่วงวิกฤตและเป็นจุดกลับตัวที่สำคัญ ด้านผลประกอบการไตรมาส 1/68 ออกมาดีกว่าคาดประมาณ 3% และทั้งปี 2568 คาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ตลาดอยู่ที่ประมาณ 90 บาท (เทียบกับปี 2567 ที่ 78 บาท) หรืออย่างน้อยในกรณี Worst Case ที่ 87-88 บาท ซึ่งยังคงเติบโตได้

กลยุทธ์ลงทุน: จับธีม "นโยบายรัฐ-ดอกเบี้ยลง"

จากการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายที่สำคัญ คุณสุวัฒน์แนะนำกลยุทธ์การลงทุนโดยเน้นกลุ่มหุ้นที่จะได้รับประโยชน์:

  • ธนาคาร สินเชื่อ SME + ภาครัฐ: (KBANK,KTB)เป็นกลุ่มแรกที่ได้ประโยชน์เมื่อมีการลงทุนในประเทศ 
  • วัสดุก่อสร้าง: (SCC,TASCO)
  • รับเหมาโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure): (CK,STECON) และกลุ่มที่เป็น S-Curve ใหม่ของประเทศ
  • ท่องเที่ยวเมืองรอง: (ERW,CENTEL,AOT)
  • เทคโนโลยี Digital Infrastructure : (ADVANC,GULF,INSET)
  • สินเชื่อชุมชน/SME: (MTC)

ความเสี่ยงและ Fund Flow

ความเสี่ยงที่ต้องระวังคือเรื่อง สภาพคล่อง ทั้งในระดับบริษัทและตลาดโดยรวมที่ลดลง อาจทำให้ตลาดแกว่งตัวแรงกว่าในอดีต อย่างไรก็ตาม การปรับนโยบายการคลังมาเน้นลงทุนจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจได้ ส่วน Fund Flow ต่างชาติ มีโอกาสไหลเข้าหากนโยบายการเงินการคลังของไทยมีความชัดเจนและสร้างความเชื่อมั่นได้จริง ท่ามกลางภาวะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจเริ่มชะลอตัวลง

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง