สงคราม ชี้ “เวิล์ดแบงก์" ประจานเศรษฐกิจไทยยุค “บิ๊กตู่” สุดวิกฤต อัดมาตรการช่วยประชาชนไม่จริงใจ
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2565 นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า มาตรการช่วยเหลือประชาชน ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกาศออกมาจำนวน 10 มาตรการ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา พบว่ารัฐบาลไม่ได้จริงใจช่วยเหลือประชาชน เพราะยังคงมองมิติการเมือง ด้วยการเน้นไปที่กลุ่มผู้ถือบัตรคนจนหรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการหาเสียงทางการเมืองมากกว่าการต้องการช่วยเหลือประชาชน และมาตรการที่ออกมาจึงเป็นการเลือกปฏิบัติ รัฐบาลช่วยแต่คนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้วคนที่ไม่มีบัตรจะช่วยอย่างไร
นอกจากนี้มาตรการลดค่าใช้จ่ายของประชาชน เป็นการช่วยแบบไม่ช่วยเพราะการลดราคาค่าไฟฟ้า การลดภาระค่าไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยลดค่าเอฟทีลง 22 สตางค์ต่อหน่วยในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม
“ในสภาพความเป็นจริงด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าวหากบ้านไหนเปิดแอร์ก็ไม่มีทางที่จะใช้ไฟไม่เกิน300 หน่วยต่อเดือน อยากทราบว่าบ้านพักหรูของพลเอกประยุทธ์ใช้ไฟเดือนละกี่ยูนิต ที่สำคัญคือพลเอกประยุทธ์เคยจ่ายค่าไฟเองหรือไม่ ดังนั้นมาตรการที่ออกมาเหมือนจะดูดีแต่แฝงไว้ด้วยความไม่จริงใจ เพราะรัฐบาลทราบอยู่แล้วว่ามาตรการลดค่าไฟฟ้าที่ออกมามีไม่กี่หลังคาเรือนได้ประโยชน์”นายสงครามกล่าว
นายสงคราม กล่าวด้วยว่า ไม่แปลกใจในการบริหารของพลเอกประยุทธ์ ไร้ผลงาน และ บริหารประเทศย่ำแย่ที่สุดหากเทียบกับทุกรัฐบาลที่ผ่านมา เมื่อธนาคารโลกเปิดเผยรายงานไปทั่วโลก ถึงสถานการณ์ของประเทศไทย ว่า เศรษฐกิจไทยอยู่ในสภาวะวิกฤต ผู้มีรายได้น้อย ไม่มีรายได้พุ่ง 40 ล้านคน หรือเกือบเท่ากับ 2 ใน 3 ของประชากรในขณะเดียวกันรายงานว่า คอร์รัปชั่นรัฐบาลประยุทธ์ ถูกสื่อต่างชาติ รายงานว่า ไทยเป็นประเทศที่มีการคอรัปชั่น โกงกิน เป็นอับดับที่ 1 ของโลก ฉุดประเทศถอยหลัง เศรษฐกิจพุ่งดิ่งลงเหว การคลังถังแตก คนจนไม่มีจะกิน จำนวนคนจนเป็น 9.7 ล้านคนในปัจจุบัน สวนทางกับการเติบโตของเศรษฐกิจ ทั้งที่รัฐบาลไทยกู้เงินมือเติบ 1.9 ล้านล้านบาท แต่ผลที่ได้คือเศรษฐกิจเจ๊งมากสุดในเอเชีย พลเอกประยุทธ์ไม่ละอายหรือที่ธนาคารโลกประจานเศรษฐกิจไทยเน่าเฟะแบบนี้