"Xiaomi" ท้าชน "Porsche" รุกกลุ่มเศรษฐีจีน

Xiaomi ซึ่งผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสมาร์ตโฟนรายใหญ่ของจีน กำลังรุกคืบเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว ล่าสุด มุ่งชิงฐานลูกค้า ที่เป็นตลาดเดียวกันกับ Porsche และแบรนด์ยุโรปในกลุ่มพรีเมียมรายอื่น ๆ
บลูมเบิร์ก รายงานว่า เสียวหมี่ ได้เปิดให้บริการใหม่ สำหรับรถ อีวี รุ่น SU7 Ultra ซึ่งมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 529,900 หยวน หรือประมาณ 74,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และเปิดให้ลูกค้าสามารถเลือกปรับแต่งรถแบบพิเศษได้ ทั้งสีตัวถังรถ และชุดตกแต่งภายในรถ ในราคาที่จะเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 100,000 หยวน
SU7 Ultra รุ่นนี้ แม้จะมีราคาต่ำกว่ารถรุ่น Taycan ของ Porsche ซึ่งตั้งราคาไว้ที่ 918,000 หยวน แต่รถอีวี ของ Xiaomi กลับมีดีไซน์ที่คล้ายกัน หรือ ใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเรือธงของ Porsche อย่างเห็นได้ชัด
โดย ผู้ซื้อ SU7 Ultra หากต้องการปรับแต่งรถตามสไตล์ของตัวเอง จะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกอย่างน้อย 100,000 หยวน สำหรับส่วนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะครอบคลุม เช่น ตราสัญลักษณ์ตรงฝากระโปรงหน้า ทำจากทองคำ 24K (เค) และดุมล้อฟอร์จ ที่มีให้เลือกถึง 4 สีด้วยกัน บริการปรับแต่งนี้ ยังครอบคลุมไปถึงรถรุ่น YU7 Max เป็นรถเอสยูวี ราคา 329,900 หยวน ของเสียวหมี่ ซึ่งก็ถูกนำไปเปรียบเทียบกับรุ่น Ferrari Purosangue เช่นกัน อย่างไรก็ดี บริการใหม่ล่าสุดนี้ สะท้อนถึงการขยับเข้าสู่ตลาดพรีเมียมของ Xiaomi ที่กำลังท้าทายแบรนด์ตะวันตกระดับไฮเอนด์ ด้วยราคาที่ต่ำกว่า
การเพิ่มอุปกรณ์ตกแต่งเสริมราคาสูงให้กับผู้ซื้อรถยนต์ ก็ถือเป็นกลยุทธ์ที่ใช้เพื่อปูทางไปสู่การสร้างผลกำไร ซึ่งเป็นแนวทางที่บริษัทรถหรูหลาย ๆ แบรนด์ ต่างก็ใช้กันมานานหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Ferrari, Bentley Motors และ Lamborghini เป็นต้น โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่มีฐานะร่ำรวยเป็นพิเศษ สามารถใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อปรับแต่งรถให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ส่วนมุมมองจากนักวิเคราะห์ Harald Hendrikse นักวิเคราะห์จาก ซิตี้ มองว่าความพยายามของ Xiaomi อาจจะไม่สามารถดึงดูดลูกค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อ Porsche ได้ทุกคน แต่ รถของ Xiaomi น่าจะแข่งขันโดยตรงกับ Audi, BMW และ Mercedes มากกว่าและบอกอีกว่า การขายอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม ก็ไม่ใช่สิ่งรับประกันว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายได้เสมอไป ซึ่งกรณีที่ดีที่สุด รายได้ในส่วนนี้อาจคิดเป็นเพียงร้อยละ 1 ถึง 2 ของรายได้รวมทั่วโลกเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นได้ชัดคือการที่ เสียวหมี่กำลังรุกเข้าไปในพื้นที่ของบรรดาแบรนด์หรูจากฝั่งตะวันตก
เหลย จุน ซีอีโอ ของ Xiaomi กล่าวถึงบริการปรับแต่งรถ ว่า บริษัทฯ ต้องการให้คนทั่วไปได้สัมผัสกับประสบการณ์ ที่เป็นบริการในแบบเดียวกับเจ้าของรถหรู ซึ่ง สีม่วงอเมทิสต์ ที่เปิดให้เลือกในโปรแกรมปรับแต่งรถนั้น จะใช้เวลาทำประมาณ 50 ชั่วโมง รวมถึงบริการการขัดเงาด้วยมือ ซึ่งเป็นงานที่เทียบได้กับของ Rolls-Royce หรือ Bentley เลยทีเดียว
บลูมเบิร์ก รายงานด้วยว่า สำหรับ Porsche ที่กำลังถูกท้าทายมากขึ้น จากผู้ผลิตสัญชาติจีน ทำให้ต้องมีการเร่งยอดขายรถสปอร์ต 911 แบบสั่งผลิตเฉพาะในจีน เพื่อรักษาฐานลูกค้าของตน แต่ไม่ใช่แค่ Porsche รายเดียว ที่กำลังเจอกับแรงกดดันด้านยอดขายในตลาดจีน ผู้ผลิตรถยนต์จากตะวันตกต่างก็เผชิญกับสถานการณ์เดียวกัน หลังจากที่แบรนด์จีน สามารถครองตลาดรถยนต์ราคาประหยัดได้แล้ว ขณะนี้แบรนด์เหล่านั้นก็กำลังมุ่งเป้าไปยังผู้บริโภคกลุ่มที่มีความมั่งคั่ง กันมากขึ้นด้วย
สื่อเว็บไซต์ carnewschina รายงานว่า เดือนกันยายนที่ผ่านมา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนส่วนใหญ่มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง ไม่ว่าจะเป็น Nio, Xpeng และ Leapmotor ยกเว้น BYD และ Li Auto ที่ชะลอตัวลงในเดือนกันยายน
ขณะที่ Xiaomi แม้ไม่ได้รายงานตัวเลขที่ชัดเจน เพียงแต่ระบุว่ามียอดขายมากกว่า 40,000 คัน ดังนั้น เมื่อเทียบกับยอดการส่งมอบรถยนต์ในจีน ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอ้างอิงจากการจดทะเบียนประกันภัย ที่มียอดส่งมอบจำนวน 13,559 คัน จึงคิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า
รายงานยอดขาย เป็นข้อมูลจาก China EV DataTracker แบ่งตามรายกลุ่ม (แต่ตามรายงานชิ้นนี้ เนื้อหาจะไม่ครบทุกกลุ่ม) BYD Group มียอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั่วโลกอยู่ที่จำนวน 393,060 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 จากเดือนสิงหาคม แต่ลดลงร้อยละ 5.9 จากเดือนเดียวกันของปีก่อน รวม 9 เดือน ระหว่างเดือนมกราคม ถึงกันยายายน มียอดขายจำนวน 3,223,475 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.8 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
มาที่ Geely Group มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 165,201 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 จากเดือนสิงหาคม และเพิ่มขึ้นร้อยละ 81.3 จากเดือนเดียวกันของปีก่อน รวม 9 เดือนมียอดขายรวม 1,167,823 คัน เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว (113.9%) จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนบริษัทร่วมทุนระหว่าง GM ในจีน กับ SAIC และ Wuling พบว่ามียอดขาย 100,593 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.9 จากเดือนสิงหาคม
Leapmotor มียอดขายรถยนต์อยู่ที่ 66,657 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.8 จากเดือนสิงหาคม และเพิ่มขึ้นร้อยละ 97.4 จากเดือนเดียวกันปีก่อน และยอด 9 เดือน มีจำนวนรวม 395,516 คัน เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวเช่นกัน (128.8%) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Leapmotor ได้เพิ่มเป้าหมายยอดขายในปี 2568 เป็น 580,000–650,000 คัน อีกด้วย
สำหรับ กลุ่มพันธมิตร HIMA หรือพันธมิตรด้านยานยนต์ของ Huawei ซึ่งประกอบไปด้วย 5 แบรนด์ ได้แก่ Aito, Luxeed, Stelato, Maextro และ Shangjie เดือนกันยายน ที่ผ่านมา มียอดขายรถยนต์รวม 52,916 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.7 จากเดือนสิงหาคม และเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.5 จากเดือนเดียวกันของปีก่อน รวม 9 เดือนแรก กลุ่ม HIMA มียอดขายรถยนต์อยู่ที่ 350,101 คัน เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว (113.7%) จากปีก่อน
ส่วนผู้ผลิตรายอื่น ๆ เช่น Great Wall Motor มียอดขาย 45,961 คัน ในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นร้อยละ 52.5 จากช่วงเดียวกันปีก่อน
Xpeng มียอดขาย 41,581 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 94.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
Nio Group มียอดขายรถยนต์ 34,749 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 64.1
แต่ Li Auto มียอดขายรถยนต์จำนวน 33,951 คัน ลดลงร้อยละ 36.8 เมื่อเทียบจากเดือนเดียวกันของปีก่อน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
