'กสิกรไทย' ส่อง TCAP ที่พักพิงช่วงที่เกิดพายุ

#ทันหุ้น - บล.กสิกรไทย ส่องหุ้น TCAP กําไรปกติเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ และสูงกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาด 3% โดยวันที่ 5 ส.ค. TCAP รายงานงบการเงินไตรมาส 2/2567 ด้วยกําไรปกติที่ 1.9 พันลบ. เพิ่มขึ้น 8% YoY และ 9% QoQ สูงกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ไว้ 3% กําไรปกติที่สูงกว่าคาดมาจากกําไรจากธุรกจิประกันภัย แต่ถูกหักล้างบางส่วนด้วยกําไรปกติของ THANI ที่ต่ำกว่าคาดจากค่าใช้จ่ายสํารองหนี้สูญ (credit cost) ที่สูง และกําไรของ บล.ธนชาต ที่อ่อนแอตามปริมาณการซื้อขายที่ต่ำกําไรปกติในครึ่งแรกของปี 2567 ที่ 3.7 พันลบ. คิดเป็น 50% ของประมาณการกําไรปกติทั้งปีของฝ่ายวิจัย ดังนั้นจึงคงประมาณการกําไรปกตปี 2567-69 ไว้ตามเดิม
คงสมมติฐานการเติบโตของกําไรปกตปี 2567 ที่ 12% YoY ฝ่ายวิจัยคาดว่า TCAP จะยังรายงานการเติบโตที่แข็งแกร่งของกําไรปกติจาก TTB ต่อไป จากผลประโยชน์ด้านภาษีและการปรับปรุงของ THANI จากฐานที่ต่ำในครึ่งหลังของปี 2566 โดยทั้ง 2 บริษัทมีสัดส่วนกําไรปกติของ TCAP ประมาณ 80% สําหรับธุรกิจประกันภัย ฝ่ายวิจัยคาดว่าการเติบโตจะได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของตลาดประกันชีวิต และประกันวินาศภัย นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยคาดว่า MBK จะได้รับประโยชน์จากจํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเห็นแรงฉุดจาก บล. ธนชาต เนื่องจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ลดลง และความท้าทายในธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) จากความยากลําบากในการจัดเก็บเงินสดท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่อ่อนแอในปัจจุบัน
ฝ่ายวิจัยคงแนะนํา “ซื้อ” TCAP และราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ที่ 64.9 ฝ่ายวิจัยชอบ TCAP ที่เป็นหุ้นที่ปลอดภัยสําหรับนักลงทุนที่ชอบเงินปันผล พร้อมแนวโน้มการเติบโตของกําไรที่แข็งแกร่ง ขณะที่การประเมินมูลค่าหุ้นดูน่าสนใจ โดยซื้อขายด้วย PBV ที่ 0.6 เท่า และ ROE ที่ 10.2% เทียบกับ PBV เฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 0.7 เท่า และ ROE ที่ 9.2% นอกจากนี้ TCAP ยังซื้อขายโดยมีส่วนลดการถือครองสูงที่ราว 13% เทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีที่ 9.6% ฝ่ายวิจัยคาดว่าส่วนต่างส่วนลดการถือครองจะลดลง เนื่องจากแนวโน้มเชิงบวกของ TCAP และความสามารถในการส่งต่อเงินปันผลจากบริษัทในเครือ ไปยังผู้ถือหุ้น
Downside risk ได้แก่ การเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยเศรษฐกจิทอ่อนแอกว่าคาด การเเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบ และความเสี่ยงในการตัดสินใจลงทุน