รีเซต

ปรับพอร์ตอย่างไร? ในยุคบาทแข็ง–ดอกเบี้ยลง

ปรับพอร์ตอย่างไร? ในยุคบาทแข็ง–ดอกเบี้ยลง
ทันหุ้น
28 ธันวาคม 2568 ( 11:00 )
5

#ทันหุ้น - ประเด็นที่นักลงทุนทุกคนต้องจับตาในช่วงนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องค่าเงินบาทและแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง เพราะตลาดกำลังเผชิญกับสองแรงกดดันที่กระทบต่อกระเป๋าเงินของเราโดยตรง นั่นคือ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าเร็วที่สุดในรอบ 4 ปี และทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เป็นขาลง หลังจากที่ กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.25% ในการประชุมครั้งสุดท้ายของปี  คำถามคือ เมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำลงจนแรงจูงใจในการฝากเงินหายไป และบาทแข็งกดดันเศรษฐกิจ เราจะปรับพอร์ตอย่างไร

มาดูกันทีละส่วนว่าสองแรงกดดันนี้ส่งผลต่อ กำไรบริษัทจดทะเบียน และเงินลงทุนจากต่างชาติ (Fund Flow) อย่างไร ก่อนจะไปสู่กลยุทธ์การปรับพอร์ตลงทุน

ผลกระทบจากดอกเบี้ยต่ำ

เมื่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำลง ดอกเบี้ยเงินฝากก็ลดลงตาม ที่หนักกว่าคือ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวก็อยู่ในระดับต่ำ

นี่คือสัญญาณเตือนว่า ถึงเวลาต้องมองหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอ

  • คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญคือ ให้เน้นลงทุนในหุ้นปันผล (Dividend Stock) และกองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือกอง REITs
  • เหตุผลคือ สินทรัพย์เหล่านี้มีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ (Dividend Yield) และราคาผันผวนต่ำ ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดในภาวะดอกเบี้ยต่ำแบบนี้

มาดูผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าบ้าง ซึ่งแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปีแล้ว

  • เมื่อเงินบาทแข็งค่า ผู้ส่งออกจะได้รับเงินบาทน้อยลงเมื่อแลกรายได้ที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศกลับมา
  • แม้หุ้นกลุ่มส่งออกจะมี Market Cap. รวมกันประมาณ 15% ของตลาดรวม ผลกระทบโดยตรงจึงไม่สูงนัก แต่มูลค่าส่งออกคิดเป็น 60 – 75% ของ GDP ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจโดยรวมแย่ลงย่อมส่งผลลบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น 
  • ในทางกลับกัน เงินบาทที่แข็งค่าจะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เอาเงินเข้ามาลงทุน (Fund Flow)เพราะมองว่าจะได้ กำไรถึง 2 ต่อ คือจากส่วนต่างราคา/เงินปันผล และส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยน แต่มีเงื่อนไขคือ หุ้นไทยต้องเป็นขาขึ้น และเงินบาทต้องแข็งค่าไปพร้อมกัน

ท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยและค่าเงินที่ผันผวน กลยุทธ์ที่น่าสนใจ คือ: Play Safe, Stay Defensive

  • หากตลาดมีความเสี่ยงสูงขึ้น ต้องลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลง
  • หุ้นที่ยังอยู่ในพอร์ตให้เน้นไปที่หุ้น Defensive ที่ราคาปรับลดลงน้อยกว่าตลาด, หุ้น Low Beta และหุ้นที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ 
  • เงินลงทุนที่ลดน้ำหนักจากหุ้นลง ให้เข้าไปพักไว้ที่กองทุนรวมตลาดเงิน, พันธบัตรระยะยาวหรือทองคำ

สรุปคือ ภาวะบาทแข็ง – ดอกเบี้ยต่ำ บีบให้นักลงทุนต้องปรับพอร์ตลงทุน ด้วยการ

  1. ย้ายออกจากเงินฝาก/ตราสารหนี้ระยะยาว
  2. เพิ่มน้ำหนักหุ้นปันผล และกอง REITs
  3. ลดความเสี่ยงโดยรวม และเน้นเฉพาะ หุ้น Defensive/Low Beta ในพอร์ตหุ้น

พูดง่าย ๆ คือ ลดการลงทุนในหุ้นที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากอัตราดอกเบี้ยต่ำและเงินบาทแข็ง และเงินลงทุนที่เหลือให้เข้าไปพักไว้ที่กองทุนรวมตลาดเงิน พันธบัตรระยะยาว หรือเงินบางส่วนอาจลงทุนในทองคำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง