‘พิพัฒน์’ ผนึกกำลัง ‘ททท.’ - ‘สศค.’ บวก ‘กรุงไทย’ เปิดตัว ‘เที่ยวปันสุข’ อย่างเป็นทางการ
‘พิพัฒน์’ ผนึกกำลัง ‘ททท.’ – ‘สศค.’ บวก ‘กรุงไทย’ เปิดตัว ‘เที่ยวปันสุข’ อย่างเป็นทางการ
วันที่ 3 กรกฎาคม 2563 ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้แถลงข่าวมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคการท่องเที่ยว “เที่ยวปันสุข” ประกอบด้วยแพคเกจเราเที่ยวด้วยกัน และกำลังใจ โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการ พร้อมด้วยนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง (สศค.) และนายพยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคการท่องเที่ยว ในโครงการ “เที่ยวปันสุข” ประกอบด้วย แพคเกจเราเที่ยวด้วยกัน ใช้กรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท และแพคเกจกำลังใจ กรอบวงเงิน 2,400 ล้านบาท รวม 24,000 ล้านบาท ระยะเวลาเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – ตุลาคม 2563 โดยรายละเอียดของแพคเกจเราเที่ยวด้วยกัน รัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายโรงแรมและที่พักให้ 40% ประชาชนจ่ายเอง 60% แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน จำวน 5,000,000 ห้องต่อคืน ในการเข้าพักในโรงแรมที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม และโฮมสเตย์ที่ได้ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องเท่านั้น รวมถึงรับอีวอชเชอร์ หรือบัตรกำนัลดิจิตอล อีกคืนละ 600 บาท รวมทั้งการจองตั๋วเครื่องบินจำนวน 2,000,000 ใบ เมื่อนักท่องเที่ยวชำระค่าบัตรโดยสารแล้ว รัฐบาลจะคืนเงินให้กลับไป 40% แต่ไม่เกิน 1,000 บาทต่อที่นั่ง โดยผู้จองจะต้องดำเนินการจองและชำระค่าบัตรโดยสารเครื่องบินเต็มจำนวนผ่านทางเว็บไซต์ของสายการบิน ส่วนรัฐบาลจะจ่ายเงินคืนเข้าสู่แอปพลิเคชั่นเป๋าตังของผู้จองที่พัก ภายหลังการเช็คเอาท์ ผู้จองสามารถนำไปใช้จ่ายหรือถอนเงินสดได้โดยไม่มีการกำหนดระยะเวลา โดยขณะนี้ผู้ประกอบการโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ส่วนประชาชนทั่วไปจะเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2563
นายพิพัฒน์กล่าวว่า สำหรับแพคเกจกำลังใจ เพื่อขอบคุณอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โดยรัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้เที่ยวในประเทศ 2 วัน 1 คืน คนละไม่เกิน 2,000 บาท โดยจะเปิดให้ผู้ประกอบการนำเที่ยวลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เที่ยวปันสุข.ไทย ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 ส่วน อสม.,อสส., และ รพ.สต. สามารถเข้าไปลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ภายในวันที่ 25 กรกฎาคม 2563 และเดินทางท่องเที่ยวได้ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2563
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า แพคเกจในมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เชื่อว่าจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนทางตรงให้กับผู้ประกอบการกว่า 50,000 ล้านบาท ทางอ้อมต่อระบบเศรษฐกิจ 26,000 ล้านบาท สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจรวมกว่า 7 แสนล้านบาท โดยจะทำให้รายได้รวมในภาคการท่องเที่ยวไทยเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.23 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นการเดินทางในประเทศของตลาดไทยเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นเป็น 120 ล้านคน-ครั้ง จากเดิมที่ตั้งไว้ 80-100 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ประมาณ 5 แสนล้านบาท
นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า แพคเกจท่องเที่ยวสามารถใช้ได้ทั้งโรงแรม ที่พัก ร้านอาหารในและนอกโรงแรม รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยธนาคารกรุงเทพไทย จะนำป้ายคิวอาร์โค้ดไปติดตั้งตามสถานที่ในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ อีกครั้ง โดยเน้นย้ำว่าการลงทะเบียนรับสิทธิ์จองโรงแรมที่พัก สายการบิน สามารถลงทะเบียนได้แบบไม่มีกำหนดตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น. ของทุกวัน แต่ห้องพักจำนวน 5 ล้านห้องต่อคืน จะถูกหักออกจากระบบว่ามีการใช้สิทธิ์แล้วก็ต่อเมื่อมีการจองและจ่ายค่าห้องพักดังกล่าว ทำให้แม้จะมีการจองห้องพักเกินจำนวนที่ระบุไว้ แต่หากยังไม่มีการชำระค่าห้อง ก็ถือว่าจำนวนห้องพักยังอยู่ ส่วนตั๋วเครื่องบินจำนวน 2 ล้านใบ จะถูกตัดสิทธิ์ต่อเมื่อมีประชาชนเดินทางท่องเที่ยว แล้วนำหมายเลขบนตั๋วไปแลกรับเงินคืนบนเว็บไซต์ของสายการบิน ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งการจองเดินทางแบบไปและกลับ หรือการจองเที่ยวเดี่ยวไปหรือกลับก็ได้ เน้นย้ำว่า หากเดินทางก่อน ก็จะสามารถนำมาแลกรับเงินคืนได้ก่อนสิทธิ์หมด โดยจำนวนยอดการใช้สิทธิ์จองห้องพักและตั๋วเครื่องบินจะแสดงอยู่บนเว็บไซต์ที่ลงทะเบียนแบบเรียลไทม์
“สำหรับภาพรวมหลังคลายล็อกดาวน์เฟส 5 การเดินทางท่องเที่ยวเริ่มดูดีขึ้น แม้จะมีปัญหาในส่วนของสถานบันเทิง หรือสถานบริการต่างๆ ที่ได้รับอนุญาตให้เปิดบ้าง แต่คิดว่าไม่ได้มีความน่ากังวลอะไร โดยสิ่งสำคัญเป็นเรื่องขั้นตอนการอนุญาตให้ต่างชาติ 11 กลุ่ม เดินทางเข้าประเทศมากกว่า แต่การประเมินให้ต่างชาติเข้ามาจะต้องคัดเลือกในประเทศที่มีความสามารถในการควบคุมโควิด-19 ไม่ต่างจากไทย เบื้องต้นมองในประเทศระยะใกล้เป็นอันดับแรก อาทิ เอเชียตะวันออก ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอาเซียน โดยนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาต้องทำประกันการเดินทางเมื่อเข้ามาถึงประเทศไทยด้วย โดยมีวงเงินในการจ่ายชดเชยไม่เกิน 100,000 เหรียญสหรัฐ ราคาประมาณ 1,000 บาท” นายยุทธศักดิ์กล่าว