รีเซต

เกียรตินาคินภัทร ชี้สงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ ทำเงินเฟ้อไทยพุ่ง สูงสุดในรอบ 14 ปี

เกียรตินาคินภัทร ชี้สงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ ทำเงินเฟ้อไทยพุ่ง สูงสุดในรอบ 14 ปี
มติชน
9 มีนาคม 2565 ( 15:09 )
69
เกียรตินาคินภัทร ชี้สงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ ทำเงินเฟ้อไทยพุ่ง สูงสุดในรอบ 14 ปี

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร ได้ออกรายงาน “ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจ” ประเมินความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนกำลังกลายเป็นความเสี่ยงใหญ่ของเศรษฐกิจโลกและไทย โดยเหตุการณ์นี้ยังมีความไม่แน่นอนสูงมากและผลลัพธ์ของสงครามในครั้งนี้มีความเป็นไปได้ 3 ทาง คือ 1.รัสเซียบุกเข้ายึดกรุงเคียฟและโค่นล้มรัฐบาลยูเครนสำเร็จจนบังคับให้ประเทศตะวันตกตัดการซื้อพลังงานจากรัสเซีย 2.การเจรจาหยุดยิงระหว่างยูเครนและรัสเซียประสบความสำเร็จและไม่มีการยกระดับมาตรการคว่ำบาตร 3.สงครามยืดเยื้อเป็นเวลานานและแผ่ในวงกว้าง

 

รายงานได้ประเมินว่า สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนจะมีแนวโน้มทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงในขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้นแรงที่สุดในรอบมากกว่า 10 ปี โดยผลกระทบจากสงครามจะกระทบเศรษฐกิจไทยในช่องทางหลัก ได้แก่ การส่งออกของไทยอาจขยายตัวได้น้อยกว่าที่ประเมินไว้ ผลกระทบทางตรงที่ไทยจะได้รับคือผลจากการค้าระหว่างประเทศที่มีแนวโน้มชะลอลง โดยแม้ว่าสัดส่วนการส่งออกไปยังรัสเซียและยูเครนจะต่ำ คือ รวมกันประมาณ 0.7% ของการส่งออกทั้งหมด แต่การส่งออกไปยังยุโรปที่มีสัดส่วนกว่า 10% จะได้รับผลกระทบหากเศรษฐกิจยุโรปชะลอตัว อย่างไรก็ตามผลกระทบที่น่ากังวลมากที่สุดจะเกิดจากปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ จากการหยุดชะงัดของการค้าระหว่างไทยกับรัสเซียและยูเครน ส่งผลกระทบให้บางภาคการผลิตต้องหยุดกิจการ โดยกลุ่มสินคานำเข้าหลัก ได้แก่ ปุ๋ยเคมีและธัญพืช

 

ความขัดแย้งในครั้งนี้จะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งประเมินว่าราคาน้ำมันดิบในช่วงที่เหลือของปีจะสูงขึ้นเกิน 110 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล บนสมมติฐานที่ว่าประเทศตะวันตกจะมีการลดการนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์จากรัสเซียลงบางส่วน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันเฉลี่ยทั้งปีสูงขึ้นเกิน 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลจากที่เคยคาดไว้ที่ 85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และคาดว่า ยังมีโอกาสที่ราคาน้ำมันเฉลี่ยจะสูงเกิน 130 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หากสถานการณ์สงครามมีความรุนแรงและยืดเยื้อกว่าคาด ประเมินว่าเมื่อนับรวมกับปัญหาราคาอาหารสดและอาหารนอกบ้านที่แพงขึ้นก่อนหน้านี้ จะทำให้เงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีของไทยสูงขึ้นเกิน 4% สูงที่สุดตั้งแต่ปี 2551 สูงที่สุดในรอบ 14 ปี และจะส่งผลกระทบทำให้การบริโภคชะลอตัวลง

 

รวมไปถึงนักท่องเที่ยวอาจเดินทางมาน้อยกว่าที่ประเมินไว้ เกิดจากนักท่องเที่ยวรัสเซียที่จะเดินทางมาได้น้อยลง โดยในช่วงที่ต้นปีนี้ นักท่องเที่ยวรัสเซียเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาไทยมากที่สุด คิดเป็นประมาณเกือบ 10% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะเพิ่มต้นทุนการเดินทางระหว่างประเทศและทำให้อุปสงค์ต่อการท่องเที่ยวลดลง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง