ไทยเสี่ยงจมน้ำในปี 2050 กรุงเทพฯ เมืองหลวงที่อาจหายไป

ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับ ไทยเสี่ยงจมน้ำในปี 2050 กรุงเทพฯ เมืองหลวงที่อาจหายไป
วิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหนึ่งในผลกระทบสำคัญที่มนุษยชาติต้องเผชิญคือระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น คณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ได้คาดการณ์ว่า ภายในปี ค.ศ.2100 ระดับน้ำทะเลอาจสูงกว่าปัจจุบันถึง 1.1 เมตร แม้จะมีมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้วก็ตาม ผลกระทบในระยะสั้นและระยะกลางยังไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งหมายความว่าประชากรกว่าหนึ่งพันล้านคนทั่วโลกจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากน้ำท่วมที่ทวีความรุนแรงขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.2050 เป็นต้นไป
ในบรรดาประเทศที่มีความเสี่ยงมากที่สุด รายงานได้ระบุว่า 8 ประเทศในเอเชีย ได้แก่ จีน บังกลาเทศ อินเดีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น เป็นพื้นที่ที่มีประชากรกว่า 70% ของโลกอาศัยอยู่ในเขตเสี่ยงภัย โดยเฉพาะเวียดนาม อียิปต์ และบังกลาเทศ ที่มีค่าดัชนีความเสี่ยงสูงสุดถึง 9.9 จาก 10 ขณะที่ประเทศไทยก็ติดอยู่ในอันดับที่ 4 ของโลก ด้วยคะแนนความเสี่ยง 9.8 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงระดับอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา
สำหรับภูมิภาคอาเซียน ประเทศไทยนับเป็นจุดเสี่ยงสำคัญ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงที่มีความสูงเฉลี่ยเหนือระดับน้ำทะเลเพียง 1.5 เมตร อีกทั้งยังประสบปัญหาแผ่นดินทรุดลงปีละ 2–3 เซนติเมตร จากการคาดการณ์ขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ระบุว่า นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 เป็นต้นมา ชาวกรุงเทพฯ กว่า 5 ล้านคนจากทั้งหมด 10.7 ล้านคน ต้องเผชิญกับความเสี่ยงน้ำท่วม และภายในปี พ.ศ.2593 พื้นที่ถึงหนึ่งในสามของเมืองอาจจมอยู่ใต้น้ำ ส่งผลให้ประชาชนเกือบ 11 ล้านคนต้องอพยพออกจากพื้นที่ ขณะที่ Climate Central ยังได้เตือนเพิ่มเติมว่า น้ำท่วมรุนแรงอาจเกิดขึ้นได้เร็วที่สุดในปี พ.ศ.2573 ซึ่งเร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้
ไม่เพียงประเทศไทยเท่านั้น ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนต่างก็เผชิญกับชะตากรรมเดียวกัน มาเลเซียอาจสูญเสียพื้นที่ชายฝั่งกว่า 12,000 ตารางกิโลเมตรทั้งทางด้านตะวันตกและตะวันออกของคาบสมุทร ในช่วงปี 2573–2593 ส่วนฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะกรุงมะนิลา มีแนวโน้มที่จะจมบางส่วนภายในปี 2593 ส่งผลกระทบต่อประชากรกว่า 6.8 ล้านคน แม้รัฐบาลจะพยายามย้ายถิ่นฐานผู้คนออกจากพื้นที่เสี่ยง แต่หลายครอบครัวยังคงปฏิเสธด้วยความผูกพันต่อถิ่นกำเนิดและวิถีชีวิตที่พึ่งพาทะเล ขณะที่นครโฮจิมินห์ของเวียดนามก็เผชิญความเสี่ยงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมอาจเพิ่มจาก 23% เป็น 36% ภายในปี 2050 ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาลกว่า 9.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลไม่ใช่เรื่องไกลตัว หากแต่เป็นภัยพิบัติที่กำลังใกล้เข้ามา โดยเฉพาะกับประเทศไทยที่กรุงเทพฯ อาจกลายเป็นเมืองที่หายไปจากแผนที่โลกในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า หากมนุษย์ยังไม่เร่งปรับตัวและหาทางออกเพื่อรับมือกับวิกฤติที่กำลังจะมาถึง
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
