เคหะฯ ทุ่ม "บ้านเช่าสุขประชา" เร่งแสนหน่วยใน 5 ปี
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์โดยการเคหะแห่งชาติ ทุ่มสุดตัวโครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ‘บ้านเคหะสุขประชา’ 26 โครงการ เตรียมนำเสนอเพื่อขอความเห็นชอบจาก ครม. ภายในเดือนเมษายนนี้ พร้อมจัดตั้งบริษัทลูก KE – ED ขับเคลื่อนให้ได้ 100,000 หน่วย ภายในระยะเวลา 5 ปี ประเดิมนำร่องใน กทม. ที่ฉลองกรุง – ร่มเกล้าก่อน โดยมีเงื่อนไข ‘เช่าบ้านพร้อมอาชีพ’ ยกระดับรายได้ครอบครัวละ 40,000 บาท/เดือน
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย ‘บ้านเคหะสุขประชา’ ว่า การเคหะแห่งชาติกำลังดำเนินโครงการนำร่องที่ฉลองกรุงกับร่มเกล้า ส่วนอีก 26 โครงการที่เหลือกำลังเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายในเดือนเมษายน 2564
“ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้การเคหะแห่งชาติต้องปรับเปลี่ยนทิศทางการดำเนินงาน จากเดิมสร้างบ้านเพื่อขายเป็นสร้างบ้านให้เช่า เพราะเราต้องดูแลผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นสำคัญและลดภาระให้พี่น้องประชาชนตามนโยบายของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์”
โครงการบ้านเคหะสุขประชาฉลองกรุง จำนวน 302 หน่วย โครงการบ้านเคหะสุขประชาร่มเกล้า 270 หน่วย เงินลงทุนกว่า 400 ล้านบาท มี 4 รูปแบบ อัตราค่าเช่าเดือนละ 1,500, 2,000, 2,500 และ 3,000
บาท ตามลำดับ แนวคิดโครงการบ้านเคหะสุขประชา นอกจากที่อยู่อาศัยให้เช่าราคาถูกแล้ว ยังวางแผนสร้างงานสร้างอาชีพให้ผู้เช่าควบคู่ไปด้วย โดยกำหนดเป้าหมายรายได้ต่อคนเดือนละ 15,000 – 20,000 บาท หรือ 30,000 – 40,000 บาทต่อครอบครัว
“ในโครงการจะมีคอมมูนิตี้มอลล์ ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด แผงค้า เปิดให้ผู้ประกอบการภายนอกเข้ามาเปิดกิจการในโครงการ แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องจ้างคนที่อาศัยอยู่ในโครงการ เพื่อสร้างงานให้กับผู้เช่าด้วย ซึ่งผู้เช่านอกจากจะมีงานทำแล้วก็ยังมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น สามารถเดินไปทำงานได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาและค่าเดินทาง ส่วนลูกค้าก็ไม่น่าห่วง เพราะรอบๆ มีโครงการบ้านเอื้ออาทรมากมาย 5,000 –
8,000 หน่วย” นายทวีพงษ์กล่าว
ที่สำคัญ เมื่อเช่าไปแล้ว 3 ปี หากต้องการปรับฐานะจากผู้เช่า เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โครงการอื่นของการเคหะแห่งชาติ ก็สามารถนำค่าเช่าตลอดช่วง 3 ปี มาเป็นเงินดาวน์ที่อาศัยใหม่ได้เลย เป็นการให้สิทธิและลดภาระแก่ผู้เช่าได้เป็นอย่างดี ส่วนโครงการบ้านเคหะสุขประชาในภูมิภาค จะมีพื้นที่เศรษฐกิจสุขประชารองรับตามสภาพภูมิสังคมในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งนำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร มาประกอบอาชีพในชุมชน
ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติกล่าวด้วยว่า เพื่อให้การดำเนินงานคล่องตัว การเคหะแห่งชาติเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีจัดตั้ง บริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) (KE-ED) เป็นผู้ขับเคลื่อน โดยจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อให้เกิดความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล และจะดึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมลงทุนด้วย อาทิ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ธนาคารออมสิน ปตท.โออาร์ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) เป็นต้น
“การพัฒนาโครงการบ้านเช่าเคหะสุขประชาและเศรษฐกิจสุขประชาหรือบ้านเช่าพร้อมอาชีพ การเคหะแห่งชาติมีความจำเป็นที่จะต้องจัดตั้งบริษัทลูก เพื่อรับสร้างบ้าน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ ให้กับผู้มีรายได้น้อย เป็นการสร้างโอกาสให้กับผู้มีรายได้น้อย ลดความเลื่อมล้ำทางสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้นและมีความมั่นคงในชีวิตต่อไป” นายทวีพงษ์กล่าว