“จุลพันธ์”ชี้ค้าปลีกคึกคักหลังรัฐบาลเริ่มโอนเงินหมื่นล็อตแรก 3.17 ล้านราย

“จุลพันธ์”ชี้ค้าปลีกคึกคักหลังรัฐบาลเริ่มโอนเงินหมื่นล็อตแรก 3.17 ล้านราย เสร็จสิ้น 07.30 น.ของวันนี้ ระบุ ยังพบกลุ่มเปราะบางไม่ผูกพร้อมเพย์-บัตรคนพิการหมดอายุ ประสาน มท. จับตา ‘เจ้าหนี้นอกระบบ‘ หลังเปิดโอกาสนำเงินไปใช้หนี้ เผยมีแผนเปิดลงทะเบียนบัตรคนจนรอบใหม่เม.ย.ปีหน้า
#ทันหุ้น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยภายหลังร่วมงานเปิดตัวโครงการ ‘เงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ’ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี(ครม.) และหน่วยงานภาครัฐเข้าร่วม
โดยนายจุลพันธ์กล่าวว่า จำนวนผู้มีสิทธิได้รับเงิน 10,000 บาท ในวันแรกคือ 3,167,565 ราย แบ่งเป็นผู้พิการที่ลงทะเบียนกับทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) 2.1 ล้านราย และที่เหลือคือผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เลขบัตรประชาชนลงท้ายเลข 0 ซึ่งมีการเริ่มโอนตั้งแต่เวลา 00.00 น. และสำเร็จเสร็จสิ้นราว 07.30 น.
นายจุลพันธ์กล่าวว่า นอกจากจะมีการโอนเงินในส่วนยอดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ยังมีเงินเดือนข้าราชการอีกด้วย จึงทำให้ระบบการโอนผ่านพร้อมเพย์ และโอนเงินเข้าบัญชีผู้พิการล่าช้าเล็กน้อย แต่ทั้งนี้ กระบวนการทั้งหมดราบรื่น ไม่มีปัญหา ซึ่งสามารถตรวจสอบสิทธิได้ผ่านแอปพลิเคชัน ’รัฐจ่าย’ และเว็บไซต์ของทางกรมบัญชีกลาง หากประชาชนตรวจสอบสิทธิแล้วไม่พบรายชื่อ ก็จะได้รับสิทธิกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบถัดไป
นายจุลพันธ์ย้ำว่า มีกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์ จึงขอให้รีบดำเนินการให้เรียบร้อยผ่านทาง ATM และสาขาธนาคารที่รับโอนเงิน ส่วนผู้พิการอีก 90,000 กว่าราย ที่ยังมีสถานะต้องไปแก้ไข เช่น บัตรหมดอายุ หรือข้อมูลบัตรผิดพลาด ยังไม่ได้เชื่อมข้อมูลในการรับโอนเงิน ก็ขอให้ประสานกับทาง พม. เพื่อแก้ไขสถานะของบัตรให้เรียบร้อย
โดยหลังจากนี้ รัฐบาลจะมีการโอนเงินซ้ำให้อีก 3 ครั้ง ภายในวันที่ 22 ต.ค. 22 พ.ย. และ 22 ธ.ค. หากกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้น แต่หากมีผู้มีสิทธิที่ดำเนินการไม่ครบถ้วนจะถือว่าประสงค์ไม่รับสิทธิกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว
ส่วนกรณีที่มีความกังวลว่ากลุ่มเปราะบางจะนำเงิน 10,000 บาท ไปชำระหนี้นอกระบบ และทำให้ไม่เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริงนั้น นายจุลพันธ์กล่าวว่าการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ กระทรวงมหาดไทยเป็นแม่งานร่วมกับกระทรวงการคลัง ได้เดินหน้าตั้งแต่สมัยของอดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสินและยังไม่ได้หยุด ซึ่งมีความคืบหน้าในเรื่องนี้อย่างเข้มข้น
นายจุลพันธ์ยังยืนยันว่าการปราบปรามเจ้าหนี้นอกระบบที่คิดดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนดคือสิ่งที่รัฐบาลให้ความสนใจมากที่สุด และหลังจากนี้ หากมีข่าวสารเกี่ยวกับหนี้นอกระบบที่เข้ามาทวงลูกหนี้อย่างไม่เป็นธรรม ต้องเร่งดำเนินการอย่างเด็ดขาด ซึ่งได้มีโอกาสพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วย
”ขณะนี้ เงินเข้าถึงมือพี่น้องกลุ่มเปราะบาง ก็ขอให้เขาได้มีโอกาสใช้เงินให้เป็นประโยชน์กับชีวิต จากการโอนเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในครั้งนี้ เชื่อได้เลยว่า ทั้งตลาดสด ตลาดค้าส่ง ตลาดค้าปลีก มีความคึกคักมาก ซึ่งนี่คือการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำเร็จ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือจุนเจือลดภาระค่าครองชีพให้แก่กลุ่มเปราะบาง ทำให้เขาได้สร้างชีวิต ช่วยเหลือครอบครัว“ นายจุลพันธ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายจุลพันธ์ยังกล่าวถึงสถานะของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีกว่า จะมีการทบทวนทุก 2 ปี ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดให้ลงทะเบียนอีกครั้งในเดือนเมษายน ปี 2568 โดยต้องผ่านการอนุมัติของ ครม. ก่อน ซึ่งหากประชาชนคนไหนเคยถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ได้หมายความว่าจะได้สิทธิในรอบนี้เนื่องจากบัตรของท่านไม่ได้อยู่ในกรอบของผู้ได้รับสิทธิ ซึ่งเกณฑ์การได้รับสิทธินั้นจะดูว่า ท่านได้รับเงินช่วยเหลือรายเดือนตามสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 อยู่หรือไม่ หากได้รับก็จะได้รับเงิน 10,000 บาท
ทั้งนี้ หากมีข้อผิดพลาดเรื่องรายชื่อตกหล่น ทางภาครัฐจะเปิดโอกาสให้มีการคุยกับทางจังหวัด เพื่อสอบถามกับทางอำเภอหรือเขตในท้องที่ เพื่อตรวจสอบอีกครั้งต่อไป