NEXส่งลูกเข้าmaiปีนี้ ส่งมอบรถพุ่ง-ปรับเป้า

#NEX #ทันหุ้น – NEXเดินหน้าขายไอพีโอ “เทอร์ราไบท์พลัส” จำนวน 90 ล้านหุ้น ระดมทุนเข้าตลาด mai ไตรมาส 4/2566 ใช้สิทธิผู้ถือหุ้น NEX 51% โบรกยกนิ้วโป้งกำไรไตรมาส 4/2565 เติบโตโดดเด่นกว่าคาด สั่งปรับกำไรปี 2566 ขึ้น คาดปีนี้ส่งมอบรถ 4,000 คัน ยังมีคำสั่งซื้อรถเมล์ไฟฟ้า ขสมก. อีกราว 2 พันคัน ราคาเป้าหมายที่ 24.00 บาท
นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEXเปิดเผยว่าบริษัทจะเดินหน้าขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของบริษัท เทอร์ราไบท์พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ TERA ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก(IPO) และนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ คาดว่าจะสามารถซื้อ-ขายในช่วงไตรมาส 4/2566
ทั้งนี้ TERA ประกอบธุรกิจเป็นผู้จัดจำหน่าย และให้บริการเกี่ยวกับระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ขนาดใหญ่แบบครบวงจร เช่น ระบบเซิร์ฟเวอร์ จัดเก็บข้อมูล ระบบเครือข่าย และระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล เป็นต้น โดยใช้ผลิตภัณฑ์ของ Hewlett Packard (HP) เป็น Hardware หลักมีการจัดจำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ร่วมกับการพัฒนาโปรแกรมการใช้งานคอมพิวเตอร์ รวมถึงการเป็นผู้วิจัย พัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์โซลูชัน ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญา และให้การให้บริการบำรุงรักษาทั่วประเทศ
@ให้สิทธิผู้ถือหุ้น NEX จอง
โดยที่ ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติเห็นชอบให้ TERA ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทดำเนินการเตรียมความพร้อมเพื่อขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และนำ TERA เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ซึ่ง โดย TERA จะออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ภายใต้โครงการ ESOP และ IPO รวมจำนวน 90 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 37.50% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ TERA
ภายหลังการ IPO บริษัทจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TERA และ TERA จะมีสถานะเป็นบริษัทร่วมของบริษัท จากเดิมที่มีสถานะเป็นบริษัทย่อย และบริษัทจะยังคงสัดส่วนการถือหุ้นใน TERA ในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 31.88% ของทุนชำระแล้วของ TERA ภายหลังการ IPO
เพื่อเป็นการลดผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นของบริษัท ที่อาจเกิดขึ้นจากแผน Spin-Off จึงเห็นควรให้มีการเสนอขายหุ้นสามัญ ที่จะออกและเสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) กลุ่มที่เป็นผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัท ให้มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นของ TERA ตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท (Pre-Emptive Rights) ในสัดส่วนไม่เกิน 51% ของจำนวนหุ้นสามัญ ที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) โดยหากมีหุ้นสามัญที่เหลือจากการเสนอขาย Pre-Emptive Rights ให้ TERA นำขายหุ้นที่เหลือจัดสรรเสนอขายต่อประชาชนต่อไป
@ทำกำไรดีกว่าคาด
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง NEX ว่ากำไรไตรมาส 4/2565เติบโตโดดเด่นดีกว่าคาดจากการส่งมอบรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้มากขึ้น โดยไตรมาส 4/2565 มีกำไรสุทธิ 323 ล้านบาท ดีขึ้นมากจากปีก่อน , และจากไตรมาสก่อนหน้า (ไตรมาส 4/64 ขาดทุน -16 ล้านบาท, ไตรมาส 3/65 กำไร 8 ล้านบาท) ดีกว่าที่ทำไว้ที่ 250 ล้านบาท
โดยกำไรเติบโตดีขึ้นมากจากการส่งมอบรถ E-Bus และ E-Truck ได้ราว 850-900 คัน เพิ่มจากไตรมาส 3/2565 ที่เริ่มส่งมอบรถเป็นไตรมาสแรกที่ 200-250 คันรวมถึงค่าใช้จ่ายบริหารและการขาย SG&A/Sales ลดลงเป็น 1.8% ต่ำกว่าที่ฝ่ายวิจัยทำไว้ ดังนั้นส่งผลให้ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 208 ล้านบาท ดีขึ้นจากปี 2564 ที่ขาดทุน -107 ล้านบาท
@ปรับเป้ากำไรเพิ่มขึ้น
ปรับกำไรปี 2566 ขึ้นจากอัตรากำไรสุทธิ (NPM) ที่ดีกว่าคาด จึงปรับประมาณการกำไรปี 2566-2568 ขึ้นเฉลี่ยปีละ 24-25% จากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของธุรกิจจำหน่ายรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่ดีขึ้น และ SG&A/Sales ที่น้อยกว่าที่ทำไว้
สำหรับปี 2566 ปรับกำไรขึ้น 25% เป็น 1.5 พันล้านบาท +621% จากปีก่อน โดยปัจจัยหลักเป็นผลจากเราปรับ SG&A/Sales ลงเป็น 1.9% จากเดิม 3.5% (ปี 2565 = 4.2%) ส่งผลให้ NPM จะดีขึ้นเป็น 6.2% (ปี 2565 = 3.2%) ทั้งนี้ยังคงประเมินในปี 2566 จะมีการส่งมอบรถ E Bus, E Truck เพิ่มเป็น 4,000 คัน เพิ่มจากปี 2565 ที่มีการส่งมอบรวม 1,080 คัน โดยในปี 2566 ยังมีคำสั่งซื้อรถเมล์ไฟฟ้า ขสมก. อีกราว 2 พันคัน
การท่องเที่ยวที่เริ่มดีขึ้น รวมถึงกระแสความต้องการรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์มากขึ้นของหน่วยงานรัฐบาลและเอกชน จากมาตรการที่รัฐให้การสนับสนุน, ความคุ้มค่าในด้านต้นทุนเชื้อเพลิงและการบำรุงรักษา รวมถึงการที่องค์กรขนาดใหญ่รวมถึงภาครัฐให้ความสำคัญด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้โอกาสการเติบโตของรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ยังมีอีกมาก ยังคงราคาเป้าหมายที่ 24.00 บาท
ยอดนิยมในตอนนี้
