"ดีอี" สั่งเลิก MOU กับบริษัทสิงค์โปร์ หลังโยงฟอกเงินดิจิทัล พบเบน สมิธ-บิ๊กเนมร่วมเป็นขยาน

จากกรณีที่ นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผย เมื่อวันที่ 24 พศจิกายน ว่า ได้สั่งยกเลิก บันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างกระทรวงดีอี และ บริษัท Prime Opportunity Fund VCC Singapore และส่งหนังสือเวียนถึงกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้รับทราบ และหากมีการกระทำใดๆ ภายใต้ MOU นี้ ขอให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องดำเนินการแจ้งข้อมูลโดยทันที หลังจากพบเส้นทางเชื่อมโยงกระบวนการฟอกเงินดิจิทัลระดับโลกนายไชยชนก ระบุว่า จากการตรวจสอบได้พบข้อพิรุธในหลายๆเรื่อง เช่น การจัดทำ MOU ดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567 และมีการลงนามใน MOU วันที่ 27 มีนาคม 2567 ซึ่งใช้เวลาดำเนินการเพียง 3 วัน และพบว่าเกี่ยวโยงกับการเก็บข้อมูลสแกนม่านตา
ทั้งนี้รายละเอียดของ MOU ที่ส่งให้กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณา พบว่า ทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property) ตาม MOU จะเป็นของเอกชน 100% ไม่ได้ตกเป็นของรัฐบาลไทยแต่อย่างใด และขอให้มีการปรับแก้ไขให้ ทรัพย์สินทางปัญญา ต้องตกเป็นของรัฐบาลไทย
นอกจากนี้กระทรวงดีอี จะตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลสัญญาระหว่าง Prime Opportunity Fund VCC Singapore กับ NT เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และเรากำลังดำเนินการพิจารณาทั้งในส่วนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ภายใต้ พ.ร.ก. มาตรา 13 รวมทั้งส่งข้อมูลให้กับทาง ดีเอสไอ ,ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่ามีการนำ MOU ดังกล่าวไปใช้อย่างไรต่อไป
นอกจากนี้ยัง มีการเปิดเผยภาพขณะลงนามใน MOU ดังกล่าว เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567 ที่กระทรวงดีอี โดยพบว่ามีนายประเสริฐ จันทรวงทอง รัฐมนตรีดีอีในขณะนั้น นายเบน สมิธ ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงยึดอายัดทรัพย์กว่าหมื่นล้านบาท ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามใน MOU ครั้งนั้นด้วย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
