อินโดแบนส่งออกน้ำมันปาล์มแล้ว หลังราคาในประเทศพุ่ง
ข่าววันนี้ เว็บไซต์แชนแนลนิวส์เอเชียรายงานว่า การห้ามส่งออกน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซียเริ่มมีผลแล้วตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน โดยมาตรการห้ามส่งออกดังกล่าวมีผลครอบคลุมถึงน้ำมันปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ (อาร์พีโอ) น้ำมันปาล์มโอเลอิน และน้ำมันปรุงอาหารที่ใช้แล้ว
จากถ้อยแถลงของนายแอร์ลังกา ฮาร์ตาร์โต รัฐมนตรีประสานงานฝ่ายกิจการเศรษฐกิจชองอินโดนีเซียกล่าวว่า มาตรการนี้เป็นคำสั่งโดยตรงจากประธานาธิบดีโจโก วิโดโด หลังได้รับข้อมูลและการตอบสนองจากสาธารณชน โดยนโยบายนี้จะเป็นหลักรับรองว่าผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบทั้งหมดได้ใช้ไปเพื่อทำให้แน่ใจว่าน้ำมันปรุงอาหารจะกลับมามีราคาอยู่ที่ลิตรละ 14,000 รูเปียห์ (ราว 33 บาท) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดดั้งเดิมและสำหรับผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยการห้ามส่งออกน้ำมันปาล์มนี้จะดำเนินไปจนกว่าราคาน้ำมันปรุงอาหารในประเทศจะลงไปต่ำกว่าลิตรละ 14,000 รูเปียห์ได้
คำแถลงข้างต้นขัดกับรายงานก่อนหน้านี้ที่เจ้าหน้าที่ทางการออกมาเผยว่า การห้ามส่งออกน้ำมันปาล์มของรัฐบาลจะจำกัดเฉพาะน้ำมันปาล์มโอเลอิน ไม่ใช่น้ำมันปาล์มดิบ โดยน้ำมันปาล์มโอเลอินที่ผ่านกรรมวิธีแล้ว เป็นส่วนประกอบสำคัญในน้ำมันปรุงอาหาร และยังใช้เป็นส่วนผสมต่างๆ ทั้งขนมขบเคี้ยวไปจนถึงไอศกรีม
ก่อนหน้านั้นประธานาธิบดีวิโดโดออกมากล่าวด้วยว่า ตนเข้าใจในผลที่จะตามมาจากมาตรการห้ามส่งออกนี้ ซึ่งจะสร้างผลกระทบหลายอย่าง แต่การเติมเต็มสิ่งจำเป็นพื้นฐานสำหรับประชาชนเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกของรัฐบาล และว่า อินโดนีเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของโลก จึงเป็นเรื่องน่าขันที่จะเผชิญกับปัญหาขาดแคลนน้ำมันสำหรับปรุงอาหาร ในฐานะประธานาธิบดี ตนไม่สามารถปล่อยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกได้พุ่งขึ้นไปมากกว่า 50% ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ผลจากความไม่แน่นอนของอุปทานน้ำมันเมล็ดทานตะวันจากยูเครนและรัสเซียอันสืบเนื่องจากสงครามและผลกระทบจากภัยแล้งต่อถั่วเหลืองในแอฟริกาใต้ที่ซึ่งทำให้ภาคการผลิตหันมาใช้น้ำมันปาล์มเป็นทางเลือก เป็นผลให้ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มในอินโดนีเซียมุ่งส่งออกมากขึ้น จนส่งผลให้เกิดการขาดแคลนในประเทศ