JRฮอตกวาดงานพรึ่บ มีแผนขยับมาร์จิ้น
JJR โชว์ฝีมือ กวาดงานไม่ยั้ง หลังล่าสุดคว้างานโครงการซากุระ 164 ล้านบาท ดันแบ็กล็อกขึ้น 9.77 พันล้านบาท รับรู้รายได้ยาว ชี้ทิศทางอนาคตงานเข้าอีกเพิ่ม ทั้งโครงการใหญ่-เล็ก เดินหน้าประมูลงานเพิ่มโค้งหลังอีก 500 ล้านบาท ผู้บริหารเผยโมเดลสเถียรภาพจากแบ็กล็อกหนา พร้อมเปิดเกมรุกอีวี และออยล์แอนด์แก๊ส ปั๊มมาร์จิ้นสูง ชูมีช่องพรึ่บ
นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จจากโมเดลการเพิ่มมาร์จิ้น ทำให้ผลประกอบการของบริษัทกลับมาเติบโตดี และต่อเนื่อง โดยบริษัทซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการรับเหมาไฟฟ้าและโทรคมนาคม ได้รับงานเข้ามาอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา และจะเดินหน้าประมูลงานต่อในอนาคตอีก ดังนั้นบริษัทจะมีความเสถียรจากงานในมือที่สูง
ขณะเดียวกันบริษัทประสบความสำเร็จกับการเดินเกมรุกในส่วนของธุรกิจใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูง ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์อย่างงานระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ร่วมกับพันธมิตร และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน Oil & Gas โดยจากการที่บริษัทได้เดินหน้างานใหม่ๆ ทำให้ไตรมาส 2/2566 บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น และมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้นด้วย โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2566
"ในอนาคต JR จะปรับฐานมาร์จิ้นที่สูงขึ้น จากการที่บริษัทมีเป้าหมายที่จะรุกขยายเข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ EV ร่วมกับพันธมิตร และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน Oil & Gas ที่มีการแข่งขันน้อยทำให้มีโอกาสรับงานเพิ่ม และช่วยผลักดันการเติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคต ส่วนงานปัจจุบันถือว่าเป็นตัวที่จะสร้างสเถียรภาพให้บริษัท"
บริษัทมีผลประกอบการไตรมาส 2/2566 กำไรที่ 44.34 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 56.12 ล้านบาท แต่ขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2565 ที่มีกำไร 14.20 ล้านบาท ไตรมาส 1/2566 ที่มีกำไร 26.95 ล้านบาท
@ โกยงานอีกเพียบ
ทั้งนี้บริษัทได้เซ็นสัญญารับงานใหม่ประเภทงาน Electrical and Instrument Work for Sakura Project หรือ โครงการสัญญาจ้างเหมา จัดหาวัสดุ และติดตั้ง งานไฟฟ้าและอุปกรณ์ โครงการซากุระ จากบริษัท จีซี เมนเทนแนนซ์ แอนด์ เอนจิเนียริ่ง จำกัด มูลค่าโครงการ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 164.50 ล้านบาท มีระยะเวลาดำเนินการ เริ่มวันที่ 17 สิงหาคม 2566 จนถึงวันที่ 27 ธันวาคม 2567 การรับงานในโครงการดังกล่าวส่งผลให้ ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมอยู่ที่ 9,777.50 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในระยะยาว 3-5 ปี และจะช่วยผลักดันการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ตลอดจนยังมีงานที่รอการประกาศผลงานที่ยื่นประมูลแล้ว และมีโอกาสได้งานสูงอีกหลายโครงการ ทั้งงานโครงการขนาดใหญ่และเล็ก ซึ่งทำให้มั่นใจว่าในปีนี้ บริษัทฯจะมีรายได้รวมเติบโตระดับ 15-20% ตามเป้าหมายที่วางไว้
"บริษัทมีแผนที่จะประมูลงานในครึ่งปีหลังกว่า 500 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นงานธุรกิจรับเหมาวางระบบไฟฟ้า งานวางระบบสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญกับงานวางระบบไฟฟ้า งาน E&I ในส่วนของงานในอุตสาหกรรมพลังงาน รวมถึงมีแผนเข้าไปลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ EV ร่วมกับพันธมิตรมากขึ้น" นายจรัญกล่าว
ก่อนหน้านี้บริษัทได้ลงนามในสัญญาโครงการซื้อระบบอุปกรณ์หม้อแปลง สำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้า กับ บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด มูลค่าโครงการ 85.20 ล้านบาท ซึ่งมีระยะเวลาในการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับถัดจากวันที่ลงนามในสัญญาและรับประกัน 1 ปี
รวมทั้งบริษัทได้ลงนามในสัญญาโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงแยกลำสาลี-ถนนเทพารักษ์ กับ บริษัท ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) มูลค่าโครงการ 3,087.94 ล้านบาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยบริษัทมีระยะเวลาในการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1,260 วัน นับถัดจากวันที่ลงนามในสัญญาและรับประกัน 2 ปี