เภสัชเตือน! อย่าใช้ ซีม่าโลชั่น ลอกผิวขาว เสี่ยงอักเสบ-ติดเชื้อ
ข่าววันนี้ 25 มี.ค. 64 เพจสาระสุขภาพยาน่ารู้ ได้โพสต์ให้ความรู้ จากกรณีข่าวเศร้าที่เด็กนักเรียน รุ่นพี่ ป.5 และ ม.4 โรงเรียนประจำแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่ แกล้งรุ่นน้องที่เป็นเด็กเล็ก ป.2 โดยการเอา "ซีม่าโลชั่น" ไปราดตัวน้องตั้ง 6 ขวด อ้างว่า จะช่วยรักษาโรคหิดให้ จนเด็กมีอาการบาดเจ็บรุนแรง เกิดแผลพุพอง น้ำเหลืองไหลทั่วตัว
ทั้งนี้ ทางเพจ ระบุต่อว่า "ซีม่าโลชั่น" ป็นยาที่มีส่วนประกอบของสารเคมีหลายตัว ที่ออกฤทธิ์กัดทำลายผิวหนังได้ จึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง และใช้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ห้ามเอามาเล่นพิเรน ๆ เด็ดขาด
เมื่อหลายปีที่ผ่านมา มีการใช้ยา "ซีม่าโลชั่น" พยายามใช้ยาชนิดนี้มาลอกให้ผิวขาว ตามจุดด้านต่าง ๆ เช่น ข้อศอก หัวเข่า จนเกิดอาการไหม้ ทำให้ชั้นผิวเสียหาย ดังนั้น ทางเพจจึงนำกรณีดังกล่าวมาย้ำเตือนอีกครั้ง โดยระบุว่า
1. ซีม่าโลชั่นคือยาอะไร ?
เจ้ายาตัวนี้ ชื่อซีม่าโลชั่น ย้ำ lotion ๆๆๆๆๆ นะไม่ใช่ครีม ข้อบ่งใช้จริง ๆ แล้วคือ ใช้รักษาเชื้อราบนผิวหนัง กลาก เกลื้อน หิด
เนื่องจากส่วนผสมของมันจะมี
- Salicylic acid เป็นกรดที่มีฤทธิ์ลอกผิวเซลล์ชั้นนอก
- Resorcinol ใช้ผลัดผิวเซลล์ได้ และ...
- Phenylic acid ใช้เป็นยาฆ่าเชื้อ disinfectant, antiseptic
2. ทำไมรักษาโรคเชื้อราได้ ???
เวลาเราติดโรคเชื้อราจะเกาะกินที่ผิวหนังกำพร้า ถ้าเป็นไม่มาก ยาทั้งสามตัวมันมีฤทธิ์ไปลอกหนังที่มีเชื้อราออก จึงรักษาอาการโรคเชื้อราที่ผิวหนังได้
3. ใช้รักษาโรคอื่น ๆ ได้ไหม ?
ยาทั้งสามตัวนอกจากฤทธิ์ไปลอกหนังที่มีเชื้อราออก ถ้าใช้กับผิวธรรมดาหรือผิวหนังแข็ง ๆ มันก็ลอกได้ครับ แต่ต้องระวังปริมาณยาที่ใช้ ระยะเวลาที่ใช้ยา ตำแหน่งผิวที่เป็น แต่ห้ามใช้ในกรณี แพ้ยาหรือห้ามใช้ในผิวหนังมีแผลเปิด และมักจะมีผลข้างเคียงตามมาได้แก่ มีการอักเสบ ปวด บวม แดง ร้อน
4. ใช้ลอกผิวด้านอันตรายไหม ?
การลอกผิวออกไปทำให้ขาวได้ก็จริง เพราะผิวข้างบนลอกออกไป แต่แค่แป็บๆ ผิวเราก็จะกลับมาดำใหม่ เนื่องด้วยเป็นผิวหนังที่สร้างมาใหม่ ซ้ำร้ายหากเอาผิวขาวแบบ fake ๆ ไปโดนแสงกระตุ้น เดี๋ยวมันก็กลับมาดำใหม่ แต่สักพักก็กลับไปเป็นสีเดิมอยู่ดี
หากใช้ไม่เป็น ยาไปกัดผิวลึกลงไปจนเกิดอักเสบ เกิดเป็นแผลติดเชื้อตามมา คราวนี้แหละ ผิวที่เคย (คิดว่า) ดำ จะด่างดำมากกว่าจากการอักเสบ ติดเชื้ออย่างถาวร”