รีเซต

เตือนอีกครั้ง! ‘หมึกบลูริง’ พิษรุนแรงกว่างูเห่า 20 เท่า โดนแล้วเป็นตายเท่ากัน

เตือนอีกครั้ง! ‘หมึกบลูริง’ พิษรุนแรงกว่างูเห่า 20 เท่า โดนแล้วเป็นตายเท่ากัน
TNN ช่อง16
12 มีนาคม 2564 ( 19:50 )
233
เตือนอีกครั้ง! ‘หมึกบลูริง’ พิษรุนแรงกว่างูเห่า 20 เท่า โดนแล้วเป็นตายเท่ากัน

 

วันนี้ ( 12 มี.ค. 64 )หลังจากที่โลกโซเชียลมีคนพบ หมึกบลูริง ถูกเสียบไม้ย่างขายปะปนกับหมึกธรรมดาทั่วไปวางขายอยู่ในตลาดนัดจนเกิดเป็นกระแสไวรัลแชร์กันในโลกอินเตอร์เน็ตใครหลายคนคงสงสัยว่าเหตุใดผู้บริโภคจึงหวาดระแวงกับ หมึกบลูริง เป็นพิเศษ อันมีเหตุผลมาจาก หมึกชนิดมีพิษร้ายแรง หากใครสัมผัสเข้าอาจจะมีอันตรายถึงชีวิต

ก่อนหน้านี้ก็เคยมีการพบ หมึกบลูริง วางขายในตลาดนัดด้วยเช่นกัน จน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งต้องออกมาแจ้งเตือนประชาชนให้สังเกตให้ดีก่อนซื้อและรับประทาน หากพบหมึกมีลายเป็นวงๆ สีน้ำเงินทั่วตัวจนไปถึงเส้นหมวด ให้หลีกเลี่ยงเนื่องจาก อันตรายมากเพราะพิษของหมึกชนิดนี้ แม้ปรุงสุกก็ไม่สลาย ยังมีอันตราย พิษนี้ทนความร้อนได้สูงถึง 200 องศาเซลเซียส ดังนั้น แม้ย่างสุกก็ไม่สามารถทำลายพิษได้

 

เราจะสังเกตได้อย่างไรว่าเป็น หมึกบลูริง ?

หมึกบลูริง หมึกยักษ์จําพวกหนึ่ง แต่มีขนาดเล็กตัวเต็มวัยมีขนาดลําตัวประมาณ 4-5 เซนติเมตร มี 8 หนวด แต่ละหนวดยาวประมาณ 15 - 20 เซนติเมตร หมึกสายวงน้ำเงิน มีจุดเด่นที่ต่างจากหมึกทั่วไปตรงที่มีลวดลายเป็นวงแหวนสีน้ำเงิน กระจายตามลําตัวและหนวด ซึ่งจะตัดกับสีของลําตัวที่ออกเป็นสีเหลืองน้ำตาลอย่างชัดเจน วงแหวนสีน้ำเงินเหล่านี้สามารถเรืองแสงได้เมื่อถูกคุกคาม

 

หมึกบลูริง มีพิษร้ายแรงแค่ไหน ?

 

หมึกบลูริง มีสารพิษที่มีความร้ายแรงมากผสมอยู่ในน้ำลาย ซึ่งร้ายแรงกว่างูเห่าถึง 20 เท่า ผู้ที่ถูกกัดอาจตายได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง จึงนับเป็นหนึ่งในสัตว์น้ำที่มีพิษร้ายแรงมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก สารพิษของหมึกสายวงน้ำเงินนั้น เรียกว่าเตโตรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin) ซึ่งเป็นพิษชนิดเดียวกับที่พบในปลาปักเป้า รุนแรงกว่าไซยาไนด์ถึง 1,200 เท่า ยิ่งไปกว่านั้นพิษนี้ทนความร้อนได้สูงถึง 200 องศาเซลเซียส ดังนั้นจึงไม่สามารถทําลายพิษได้ด้วยการใช้ความร้อนปกติในการปรุงอาหาร ปัจจุบันยังไม่มียาแก้พิษใดๆ ต่อต้านได้ผู้ป่วยที่ได้รับพิษเตโตรโดท็อกซินมีอัตราตายสูงถึง 50 - 60 เปอร์เซ็นต์

 

อาการหลังจากถูก หมึกบลูริง กัดเป็นอย่างไร


จะเกิดอย่างรวดเร็วภายใน 5 นาทีหลังถูกกัด (แต่จะนานอย่างน้อย 15 นาทีถ้าเกิดจากการกินปลาปักเป้า) โดยเริ่มจากการชาบริเวณริมฝีปากลิ้น ต่อมาชาบริเวณใบหน้าแขนขาและเป็นตะคริวในที่สุด น้ำลายไหล คลื่นไส้อาเจียน มีอาการท้องเสียร่วมกับปวดท้อง ซึ่งอาการปวดท้องจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นกล้ามเนื้อจะเริ่มทํางานผิดปกติอ่อนแรง  ผู้ป่วยที่ได้รับพิษปริมาณมากระบบประสาทส่วนกลางจะไม่ทํางาน หายใจไม่ออกเนื่องจากกล้ามเนื้อ กะบังลมและหน้าอกไม่ทํางาน ทําให้ไม่สามารถนําอากาศเข้าสู่ปอดได้ผู้ป่วยจะเสียชีวิตภายใน 4 - 6 ชั่วโมง แต่ก็มีรายงานการเสียชีวิตเร็วที่สุดหลังจากได้รับพิษไปเพียง 20 นาทีเท่านั้น

 

พลาดโดนพิษ หมึกบลูริง ไปแล้วต้องปฐมพยาบาลอย่างไร?


ต้องปฐมพยาบาลนําอากาศเข้าสู่ปอด เช่น เป่าปาก ฯลฯ จากนั้นต้องรีบนําส่งแพทย์โดยด่วน เพื่อใช้เครื่องช่วยหายใจถ้าช่วยชีวิตเป็นผลผู้ป่วยจะฟื้นเป็นปกติภายใน 24 ชั่วโมง เว้นแต่ว่าจะขาดอากาศนานเกินไปจนทําให้สมองตาย สําหรับผู้ที่ได้รับพิษจาก หมึกบลูริง ควรทําการปฐมพยาบาลในทันทีหลังถูกกัด โดยใช้เทคนิคการกดรัดและตรึงอวัยวะส่วนนั้นไม่ให้เคลื่อนไหว


ทั้งนี้ เพื่อทําให้พิษไม่แพร่กระจายเข้าระบบไหลเวียนโลหิต โดยใช้ผ้าพันจากอวัยวะส่วนปลายไล่มาจนถึงบริเวณเหนือแผลที่ถูกกัด ถ้าเป็นบริเวณแขนหรือขาให้ใช้วัสดุไม้ดามไว้ด้วย ถ้าถูกกัดบริเวณลําตัวในกรณีที่พันได้ให้พันด้วยแต่อย่าให้แน่นจนทําให้หายใจลําบากและไม่ควรกรีดปากแผลที่ถูกกัดเพราะจะทําให้พิษกระจายมากขึ้น

 


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง