จี้กระท่อมเชิงพาณิชย์ CBGรอผสมเพิ่มสูตร
ทันหุ้น- “ทอม เครือโสภณ” เร่งรัฐรีบผลักดันกระท่อมเชิงพาณิชย์ หลังปลดล็อคพ้นจากยาเสพติด ชี้ดีมานด์สูง ชี้ต่างชาติไวเร่งฉวยโอกาสครองตลาดแล้ว แย้มคุย CBG แนะนำกระท่อมใส่เครื่องดื่มชูกำลังช่วยเพิ่มพลังงาน ด้าน CBG พ้นมรสุมผลงานฟื้น Q2 CVML ยังโต แต่ตลาดจีนพุ่ง 2560% ช่วยดัน โบรกวางเป้า 163 บาท
นายทอม เครือโสภณ ผู้ก่อตั้ง บริษัท Golden Triangle Health จำกัด หรือ GTH ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้าน กัญชา กัญชง และกระท่อม เปิดเผยว่า ต้องการให้ภาครัฐเร่งดำเนินการในการปลดล็อคใบกระท่อม หลังจากที่ พ.ร.บ.ยาเสพติดฉบับใหม่ ได้ปลดใบกระท่อมออกจากยาเสพติดแล้ว เนื่องจากนับเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ และไม่ต้องการที่จะทำให้ภูมิปัญญาของไทย ใบตกอยู่ในมือชาติอื่น ซึ่งได้มีการนำกระท่อมไปผลิตเป็นแคปซูลชูกำลัง โดยที่ระบุว่าเป็นกระท่อมจากไทย
โดยล่าสุด เว็บไซด์ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2564ได้เผยแพร่ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2564 โดยมีใจความสำคัญว่า เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ พืชกระท่อมเป็นยาเสพติด ให้โทษในประเภท 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522
แต่ในหลายประเทศมิได้กำหนดให้ พืชกระท่อมเป็นยาเสพติดให้โทษประกอบกับอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ.1961และพิธีสาร แก้ไขอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1972มิได้กำหนดให้พืชกระท่อมเป็นยาเสพติด ให้โทษ ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสากลและบริบทของสังคมไทยในบางพื้นที่ ที่มีการบริโภคพืชกระท่อม ตามวิถีชาวบ้าน สมควรยกเลิกพืชกระท่อมจากการเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5จึงจำเป็นต้องตรา พระราชบัญญัตินี้ โดย พ.ร.บ.ฉบับนี้ ให้มีผล เมื่อพ้น 90วัน นับแต่วันประกาศราชกิจจานุเบกษา
@กระท่อมตลาดใหญ่
นายทอม ระบุว่า ตลาดกระท่อมใหญ่มากนับหมื่นล้านบาท ทำให้ปัจจุบันมีบริษัทในอินโดนีเซียเดินห้าผลิตกระท่อมและนำเข้าขายในสหรัฐ ซึ่งพืชกระท่อมมีโอกาสที่จะทำรายได้กับเกษตรกรสูงกว่า กัญชง เนื่องจากไม่จำเป็นต้องสกัด อย่างไรก็ตามพืชกระท่อมจะใช้เวลาปลุกนานกว่าคือ เป็นปี เมื่อเทียบกับกัญชา-กัญชง ที่ใช้ระยะเวลาปลูกเพียง 4เดือน
"ชี้ให้เห็นภาพแบบนี้ พืชเหล่านี้ตอนที่เป็นยาเสพติดยังมีมูลค่าสูงมีความต้องการมาก เมื่อมีการปลดล็อคแล้วดีมานด์มันก็จะสูงขึ้นไปอีก เหมือนการพนันวันนี้ลับลอบมูลค่าสูง เมื่อเปิดให้มีบ่อนก็จะมีคนเข้ามาเล่นเพิ่มขึ้นอีก"
@ดึง CBG ใส่ในเครื่องดื่ม
นายทอม ระบุอีกว่า ได้มีการเจรจากับ นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ในการที่จะผสมกระท่อมในเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งจะช่วยเพื่อคุณสมบัติของเครื่องดื่มชูกำลังให้มีพลังานเพิ่มขึ้นไปอีก อย่างไรก็ดีในส่วนของการดำเนินงานนั้น ยังคงติดปัญหาในด้านของ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ที่เป็นผู้ควบคุมการออกผลิตภัณฑ์อาหารและยา ที่ยังไม่ได้มีการพิจารณาใดๆ รวมถึงกรณีกัญชง ที่ยังคงเดินหน้าได้ช้า โดยเฉพาะการนำเข้าเมล็ด ที่ปัจจุบันยุ่งยากติดปัญหา ดังนั้นจึงต้องการให้เร่งดำเนินการโดยเร็ว เพื่อที่ผู้ประกอบการจะได้เตรียมตัวได้
@ CBG กำลังกลับมา
ด้าน บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ได้เปิดเผยในการประชุมนักวิเคราะห์ว่า บริษัทยังมีทิศทางการเติบโตที่ดี และเชื่อมันจะทำได้ตามเป้า 15% โดยในส่วนของรายได้กลุ่ม CLMV จะมีการเติบโตในตัวเลขหลักเดียวปลายๆ ขณะที่จีนจะมีการเติบโตสูงถึง 260% โดยผลงานจะฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2/64เป็นต้นไป พร้อมกันนี้ยังจะมีการปรับสูตรลดน้ำตาลด้วย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน 320ล้านบาท/ปี
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที คงประมาณการกำไรสุทธิปี 64 ที่ 3,637ล้านบาทหรือเติบโต 3% จากปีก่อน และปี 65ที่ 4,623 ล้านบาท เติบโต 27%จากปี 2564 จากรายได้ที่ขยายตัวในทุกธุรกิจ และ GPM ขยายตัว จากต้นทุน packaging ที่ลดลง และ utilization rate ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเชื่อมั่นว่ากำไรไตรมาส 1/64เป็นจุดต่ำสุดของปีและจะฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2/64เป็นต้นไป
ประเมินราคาแม้ราคาหุ้นจะกลับมาปรับตัวโดยเด่นกว่าSET ประมาณ 11% ใน 1 เดือนที่ผ่านมาจากการเข้าคำนวณดัชนี MSCI แต่ยังคงแนะนำ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 138 บาท โดยมองว่ากำไรจะกลับมาฟื้นตัวแบบ V-shape ในปี 65 จากปัจจัยพื้นฐานที่ยังดีต่อเนื่อง อีกทั้ง CBG ยังมี upside จากการปรับสูตรเครื่องดื่มชูกำลังเพื่อลดน้ำตาล และรายได้จากผลิตภัณฑ์ผสมกัญชง ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในครึ่งปีหลัง 64
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซียไซรัส คาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาส 1/64 และเห็นการฟื้นตัวในทุกตลาดทั้งไทย ซึ่ง เป็นช่วง High Season รวมถึงต่างประเทศอย่างพม่า กัมพูชา และจีน ส่วนประเด็นราคาน้ำตาลคาดไม่กระทบอย่างมีนัยยะเนื่องจากมีการล็อคราคาล่วงหน้าแล้วถึงเดือนต.ค. 65 คาดกำไรปี 64-65โตปีละ 13% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน คงราคาเป้าหมายที่ 163 บาท แนะนำ "ซื้อ"